มือถือราคาไม่เกิน 10,000 บาท รุ่นใดคุ้มค่าน่าซื้อมากที่สุด ประจำเดือนตุลาคม 2558 มาดูกัน :: .com
กลับมาอีกครั้ง กับบทความแนะนำสมาร์ทโฟนรุ่นสุดคุ้ม ซึ่งในวันนี้ ทางทีมงาน techmoblog จะมาแนะนำ มือถือในราคาไม่เกิน 10,000 บาท ซึ่งมือถือระดับราคานี้ จะมีรุ่นใดคุ้มค่าน่าซื้อมากที่สุด ณ ชั่วโมงนี้กันบ้าง ซึ่งโดยปกติแล้ว ผู้ซื้อที่ตั้งงบประมาณในระดับ 10,000 บาท มักจะให้ความสำคัญในเรื่องของ ความคุ้มค่า เป็นลำดับต้นๆ อยู่แล้ว ซึ่งถ้าหากลองมาวิเคราะห์กันดู สมาร์ทโฟน ในระดับราคาไม่เกิน 10,000 บาทนั้น ถือว่า มาพร้อมกับคุณสมบัติที่ตอบสนองต่อการใช้งานทุกประเภทอยู่แล้ว อีกทั้ง คุณสมบัติบางอย่าง ยังสามารถเทียบชั้นกับ สมาร์ทโฟนที่ระดับราคาตั้งแต่ 15,000 บาทอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอแสดงผล ความละเอียดระดับ Full HD, หน่วยความจำ RAM ขนาด 2 GB, หน่วยประมวลผลแบบ Octa-Core Processor รวมไปถึง กล้องดิจิตอลทั้งด้านหน้า และด้านหลัง ที่มาพร้อมกับความละเอียดสูง เป็นต้น
ซึ่งจากที่ทีมงาน techmoblog ได้ทำการสำรวจ พบว่า สมาร์ทโฟนที่มีระดับราคาไม่เกิน 10,000 บาทนั้น มีให้เลือกหลายรุ่นเลยทีเดียว แต่ทางทีมงานได้ทำการ คัดเลือกให้เหลือแต่รุ่นที่คุ้มค่าจริงๆ เพื่อให้ท่านผู้อ่าน สามารถตัดสินใจเลือกซื้อรุ่นที่เหมาะกับตัวเองได้ง่ายขึ้น มาดูกันดีกว่าว่า มือถือ ที่มีระดับราคาไม่เกิน 10,000 บาท รุ่นใดคุ้มค่าน่าซื้อมากที่สุด ณ ชั่วโมงนี้ กันบ้าง
เริ่มกันที่ มือถือสำหรับคอเซลฟี่ โดยเฉพาะ นั่นก็คือ Samsung Galaxy J7 ซึ่งรุ่นนี้ มีจุดเด่นตรงที่ เป็น มือถือซัมซุง รุ่นแรก ที่มาพร้อมกับไฟแฟลชที่กล้องด้านหน้า นั่นเอง ส่วนคุณสมบัติอื่นๆ ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอแสดงผลขนาด 5.5 นิ้ว แบบ Super AMOLED Capacitive Touchscreen 16.7 ล้านสี ความละเอียด 1280 x 720 พิกเซล, หน่วยประมวลผลแบบ Octa-Core Processor ความเร็ว 1.5 GHz, หน่วยความจำ RAM ขนาด 1.5 GB, หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง ขนาด 16 GB รองรับ microSD Card สูงสุด 128 GB, กล้องด้านหน้า ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล, กล้องด้านหลัง ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชแบบ LED, แบตเตอรี่ขนาด 3000 mAh, รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด และรันระบบปฏิบัติการ Android 5.1 (Lollipop) ตั้งแต่แกะกล่องอีกด้วย
ส่วนราคาค่าตัวของ Samsung Galaxy J7 อยู่ที่ 8,900 บาทเท่านั้นเอง
รุ่นรองของ Galaxy J7 กับ Samsung Galaxy J5 ซึ่งรุ่นนี้ มาพร้อมกับไฟแฟลชที่กล้องด้านหน้าด้วยเช่นเดียวกัน โดยรุ่นนี้ มาพร้อมหน้าจอขนาด 5 นิ้ว แบบ Super AMOLED Capacitive Touchscreen 16.7 ล้านสี ความละเอียด 1280 x 720 พิกเซล, หน่วยประมวลผลแบบ Quad-Core Processor ความเร็ว 1.2 GHz, หน่วยความจำ RAM ขนาด 1.5 GB, หน่วยความจำภายในขนาด 8 GB รองรับ microSD Card สูงสุด 128 GB, กล้องด้านหน้า ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล, กล้องด้านหลัง ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชแบบ LED, แบตเตอรี่ขนาด 2600 mAh, รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด และรันระบบปฏิบัติการ Android 5.1 (Lollipop)
ส่วนราคาของ Samsung Galaxy J5 นั้น อยู่ที่ 7,900 บาท ถูกกว่า Galaxy J7 1,000 บาท
สำหรับ OPPO Mirror 5 นั้น ชูจุดเด่นด้านดีไซน์ที่สวยหรูเป็นพิเศษ ด้วยพื้นผิวด้านหลังแบบกระจกคริสตัล พร้อมลวดลายแบบเพชร กรอบตัวเครื่องแบบโลหะ และเทคนิคการสะท้อนแสงอัลตราไวโอเล็ต ทำให้เกิดภาพนูนที่ทับซ้อนลวงตา ทำให้ OPPO Mirror 5 เป็นสมาร์ทโฟนที่ดีไซน์สวยที่สุดรุ่นหนึ่งของ OPPO เลยก็ว่าได้
ส่วนคุณสมบัติต่างๆ ของตัวเครื่อง ถือว่า น่าสนใจไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอแสดงผลกว้าง 5 นิ้ว ความละเอียด 960 x 540 พิกเซล, หน่วยประมวลผลแบบ Quad-Core Processor ความเร็ว 1.2 GHz, หน่วยความจำ RAM ขนาด 2 GB, หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง ขนาด 16 GB รองรับ microSD Card สูงสุด 128 GB, กล้องด้านหน้า ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล, กล้องด้านหลัง ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชแบบ LED และรันระบบปฏิบัติการ Color OS 2.1 ซึ่งมีพื้นฐานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 5.1 (Lollipop) นั่นเอง นอกจากนี้ ยังรองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดภายในเครื่องเดียว และรองรับเครือข่าย 4G LTE อีกด้วย
สำหรับราคาของ OPPO Mirror 5 รุ่นนี้ อยู่ที่ 7,990 บาท
วางจำหน่ายในไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับ LG G4 Stylus สมาร์ทโฟนหน้าจอใหญ่ถึง 5.7 นิ้ว ที่มาพร้อมกับ ปากกา Stylus มาให้ใช้งานตามชื่อรุ่น ส่วนคุณสมบัติภายในตัวเครื่อง เรียกได้ว่า คุ้มค่าสมราคา เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอแสดงผลขนาด 5.7 นิ้ว แบบ True-IPS LCD Capacitive Touchscreen ความละเอียด 1280 x 720 พิกเซล, หน่วยประมวลผลแบบ Octa-Core Processor ความเร็ว 1.4 GHz, หน่วยความจำ RAM ขนาด 1 GB, หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง ขนาด 8 GB รองรับ microSD Card สูงสุด 32 GB, กล้องด้านหน้า ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล, กล้องด้านหลัง ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมระบบ Laser Auto Focus, แบตเตอรี่ขนาด 3000 mAh และรองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดภายในเครื่องเดียว ส่วนราคาของ LG G4 Stylus อยู่ที่ 8,490 บาท
แม้จะวางจำหน่ายมานานหลายเดือนแล้ว แต่ชื่อของ Asus Zenfone 2 ยังเป็นรุ่นที่ถูกกล่าวถึงมาโดยตลอด เนื่องจากเป็นรุ่นที่มาพร้อมกับหน่วยความจำ RAM ขนาด 4 GB เป็นรุ่นแรกๆ นั่นเอง โดย Asus Zenfone 2 นั้น มีให้เลือกหลายโมเดล ในระดับราคาที่แตกต่างกันไป ซึ่งโมเดลที่จะกล่าวถึงก็คือ ZE551ML ที่มาพร้อมกับหน่วยความจำ RAM ขนาด 4 GB นั่นเอง ซึ่งคุณสมบัติของรุ่นนี้ก็คือ มาพร้อมกับหน้าจอขนาดกว้าง 5.5 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล, ชิปเซ็ต Intel Atom Z3580 แบบ Quad-Core Processor ความเร็ว 2.3 GHz, หน่วยความจำ RAM ขนาด 4 GB, หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง ขนาด 32 GB รองรับ microSD Card, กล้องด้านหน้า ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล, กล้องด้านหลัง ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล และรัน Android 5.0 (Lollipop) ซึ่งราคาจำหน่ายของรุ่นนี้ อยู่ที่ 9,990 บาท
เป็นสมาร์ทโฟนอีกรุ่นที่ถูกออกแบบมาเพื่อคอเซลฟี่โดยเฉพาะ สำหรับ Asus Zenfone Selfie ที่เพิ่งวางจำหน่ายในไทยไปเมื่อไม่นานมานี้ โดยรุ่นนี้ นอกจากจะมาพร้อมกับ กล้องด้านหน้า และด้านหลัง ความละเอียด 13 ล้านพิกเซลเท่ากันแล้ว ไฟแฟลชที่กล้องด้านหน้า และด้านหลัง ยังเป็นแบบ Dual-LED Real Tone ที่ทำให้การถ่ายภาพด้วยกล้องด้านหน้า ดูเป็นธรรมชาติ อีกทั้งการโฟกัสภาพ ยังเป็นแบบ Laser Auto Focus อีกด้วย
สำหรับคุณสมบัติอื่นๆ ของรุ่นนี้ก็คือ มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลกว้าง 5.5 นิ้ว แบบ IPS LCD Capacitive Touchscreen ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล, หน่วยประมวลผลแบบ Octa-Core Processor ความเร็ว 1.7 GHz, หน่วยความจำ RAM ขนาด 3 GB, หน่วยความจำภายในขนาด 32 GB รองรับ microSD Card สูงสุด 128 GB, แบตเตอรี่ขนาด 3000 mAh และรองรับเครือข่าย 4G LTE อีกด้วย
โดยราคาของ Asus Zenfone Selfie อยู่ที่ 8,990 บาท ชาวเซลฟี่ห้ามพลาดรุ่นนี้โดยเด็ดขาดครับ
สำหรับ vivo Y37 รุ่นนี้ มีจุดเด่นตรงที่มาพร้อมกับตัวเครื่องบางเฉียบเพียง 6.79 มิลลิเมตร พร้อมระบบ Double Audio Cavities ที่ให้คลื่นเสียงดังกระหึ่มด้วยรูลำโพงขนาด 0.4 มิลลิเมตร มากถึง 140 ช่อง และชิปเสียง Hi-Fi พร้อมค่า SNR ที่ตัดเสียงรบกวนได้สูงถึง 105dB โดยตัวเครื่อง มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว แบบ IPS Display ความละเอียด 1280 x 720 พิกเซล, หน่วยประมวลผลแบบ Octa-Core Processor ความเร็ว 1.4 GHz, หน่วยความจำ RAM ขนาด 2 GB, หน่วยความจำภายในขนาด 16 GB, กล้องด้้านหน้า ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล, กล้องด้านหลัง ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล, แบตเตอรี่ขนาด 2720 mAh และระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 2.1 ซึ่งมีพื้นฐานอยู่บน Android 5.0 Lollipop
ส่วนราคาของ vivo Y37 อยู่ที่ 9,990 บาท
vivo Y35 รุ่นนี้ มีความบางเฉียบเช่นเดียวกับ vivo Y37 โดยอยู่ที่ 6.78 มิลลิเมตรเท่านั้น อีกทั้งตัวเครื่องยังใช้วัสดุ แมกนีเซียมอัลลอยด์ แข็งแรงทนทาน และจับได้ถนัดมือมากขึ้น ด้วยตัวเครื่องขนาดหน้าจอ 5 นิ้ว ความละเอียด 1280 x 720 พิกเซล, หน่วยประมวลผลแบบ Quad-Core Processor ความเร็ว 1.2 GHz, หน่วยความจำ RAM ขนาด 2 GB, หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง ขนาด 16 GB รองรับ microSD Card, กล้องด้านหน้า ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล, กล้องด้านหลัง ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล, แบตเตอรี่ขนาด 2300 mAh, รองรับเครือข่าย 4G LTE, รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด และระบบเสียงแบบ Hi-Fi ส่วนราคาของ vivo Y35 อยู่ที่ 8,990 บาท ถูกกว่า vivo Y37 เล็กน้อย
ปิดท้ายด้วย แบรนด์จากแดนมังกรอย่าง Huawei P8 Lite รุ่นนี้ ที่มาพร้อมกับราคาเบาๆ สบายกระเป๋า แต่สเปคไม่เบาตามราคา โดยมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 5 นิ้ว แบบ IPS LCD ความละเอียด 1280 x 720 พิกเซล, หน่วยประมวลผลแบบ Octa-Core Processor ความเร็ว 1.2 GHz, หน่วยความจำ RAM ขนาด 2 GB, หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง ขนาด 16 GB รองรับ microSD Card, กล้องด้านหน้า ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล, กล้องด้านหลัง ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล, แบตเตอรี่ขนาด 2200 mAh, รองรับ 4G LTE, รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด และรัน Android 5.0.2 (Lollipop) ส่วนราคาของ Huawei P8 Lite อยู่ที่ 7,990 บาท
สำหรับสมาร์ทโฟนในระดับราคาไม่เกิน 10,000 บาท ที่ทางทีมงานได้ทำการคัดสรรมาให้ข้างต้น ไม่ได้ทำการเรียงลำดับว่า รุ่นใดดีที่สุด เนื่องจากแต่ละรุ่นต่างก็มีจุดขายที่น่าสนใจแตกต่างกันไป โดยผู้ซื้อจะต้องเลือกให้เหมาะสมกับพฤติกรรมการใช้งานของตนเองเป็นหลัก เช่น บางท่านอาจจะชอบ มือถือจอใหญ่ ในขณะที่บางท่าน ชอบถ่ายรูป จึงมองหามือถือที่มาพร้อมกล้องความละเอียดสูง เป็นต้น โดยในโอกาสหน้า ทีมงาน techmoblog จะแนะนำมือถือที่น่าสนใจรุ่นใดอีกบ้าง ต้องติดตามกันให้ดีครับ
Write a Comment