5G คืออะไร? ดียังไง? แล้วจะเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ของเราแบบไหนบ้าง

ในยุคดิจิทัลแบบนี้เราคงรู้จักกันดีว่า 5G คือ คลื่นสัญญาณใหม่ที่กำลังเข้ามามีบทบาทต่อชีวิตของเรามากขึ้น แต่หลายคนอาจจะยังไม่เข้าใจว่าประโยชน์ของ 5G มีอะไรบ้าง วันนี้ AIS จะพาทุกคนมาดูว่า 5G จะเปลี่ยนแปลงไลฟ์สไตล์ของเราแบบไหนกันครับ

ก่อนอื่นผมอยากให้ทุกคนเข้าใจคร่าว ๆ ว่า 5G ไม่ได้เป็นเพียงสัญญาณเน็ตที่แรงขึ้นเฉย ๆ อย่างที่หลายคนคิดนะครับ แต่เราสามารถเรียก 5G ว่าเป็นเทคโนโลยีได้เลย เพราะนอกจากจะใช้เป็นคลื่นสัญญาณโทรศัพท์แล้ว 5G ยังครอบคลุมวงกว้างมากกว่านั้น ในที่นี้ก็คือ อุปกรณ์ต่างๆ ที่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ เช่น เสาไฟอัจฉริยะ เครื่องมือตรวจสุขภาพ หรือนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นตัวเชื่อมต่อ สิ่งเหล่านี้แหละครับที่จำเป็นต้องอาศัย 5G เป็นอย่างมาก

ลองคิดภาพตามกันนะครับ ในยุคนี้เรามีผู้คิดค้น Gadget เจ๋ง ๆ รวมถึงสถานที่ต่าง ๆ ที่เริ่มนำระบบอัจฉริยะเข้ามาใช้กันอย่างมากมาย ถึงแม้จะทำให้เรารู้สึกว่าการใช้ชีวิตดูล้ำมากขึ้น แต่ถ้าเราดันมาตกม้าตายเพราะสัญญาณเชื่อมต่อที่ไม่ค่อยแรงและครอบคลุมพอ ก็อาจจะทำให้อุปกรณ์เหล่านั้นไม่ได้แสดงประสิทธิภาพอย่างเต็มที่ ดังนั้นนี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญว่าทำไมเราถึงต้องพึ่งเทคโนโลยี 5G และสิ่งนี้จะทรงพลังขนาดไหน ผมเลยขอลิสต์ออกมาให้ ดังนี้

ความรวดเร็วของ 5G ถือว่าเข้ามามีบทบาทค่อนข้างมากเลยครับ ด้วยการรับส่งข้อมูลที่รวดเร็วกว่า 4G ถึง 24 เท่า เราจึงสามารถดาวน์โหลดไฟล์หนังขนาด 4K และ 8K ได้ภายในไม่กี่วินาที รวมถึงยังช่วยให้การสืบหาข้อมูลต่าง ๆ บน Mobile Internet ใช้เวลาได้รวดเร็วเพียงเสี้ยววิ และรองรับการใช้งานแบบเรียลไทม์ได้มากขึ้นด้วยครับ

เพราะ 5G มีอัตราการตอบสนองที่รวดเร็วในระดับที่น้อยกว่า 0.001 วินาที ซึ่งถือว่าเร็วสุด ๆ สำหรับยุคนี้ ทำให้นำมาประยุกต์ใช้กับเทคโนโลยีด้านต่าง ๆ ได้ จึงสามารถนำไปใช้กับงานที่ต้องการความแม่นยำมาก ๆ และต้องมีความผิดพลาดน้อยที่สุด ยกตัวอย่างง่าย ๆ เลย เช่น การผ่าตัดทางไกล รถยนต์ไร้คนขับ ระบบไฟฟ้าอัจฉริยะ หรือระบบควบคุมเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่างๆ ที่ต้องอาศัยการเชื่อมต่อวงกว้างและรวดเร็ว โดย 5G จะเป็นตัวเชื่อมต่อในการทำงาน ช่วยให้การใช้งานมีประสิทธิภาพและเสถียรยิ่งขึ้น ปัญหาระบบล่าช้าหรือเน็ตล่มจะเกิดขึ้นได้ยากมากครับ

เพราะ 5G มีความสามารถในการรองรับอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้มากถึง 200,000-1,000,000 เครื่อง ต่อ ตร.กม. ซึ่งมากกว่า 4G ถึง 1,000 เท่า จึงเหมาะกับการเชื่อมต่อทั้งคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน เซนเซอร์ หรือนำไปใช้ในระบบบ้านอัจฉริยะก็ได้ครับ ถ้าลองนึกภาพตามก็จะประมาณอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้กับบ้านโดยเฉพาะ โดยสามารถสั่งการผ่านเสียง หรือควบคุมการใช้งานได้ผ่านสมาร์ทโฟน เช่น หลอดไฟ loT ที่เปิด-ปิดอัตโนมัติ กล้องวงจรปิด หรือระบบล็อกประตู เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนี้หากได้ประสิทธิภาพของ 5G เข้ามาเสริม ก็จะช่วยให้เราใช้งานเจ้าอุปกรณ์เหล่านี้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและเสถียรยิ่งขึ้น

เชื่อว่าถ้าหากทุกคนได้สัมผัสกับเทคโนโลยี 5G อย่างเต็มรูปแบบ ก็จะได้พบกับอะไรใหม่ๆ รวมถึงเปลี่ยนแปลงไลฟ์สไตล์ที่เร็วและแรงกว่าเดิมแน่นอนครับ ซึ่งสำหรับปี 2020 ค่ายมือถือเองก็เริ่มผลิตสมาร์ทโฟนใหม่ ๆ เพื่อมารองรับ 5G กันมากขึ้น เช่น Samsung Galaxy S20 Ultra 5G, Note20 Ultra 5G, Samsung Galaxy A71 หรือ realme x50 5G เป็นต้น ยังไงก็ตามชาวเอไอเอสอย่าลืมเตรียมตัวให้พร้อมกับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นกันนะครับ ใครอยากดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ 5G ตามไปอ่านได้ที่นี่เลย

Write a Comment