ความแตกต่างของ Android กับ iOS จุดเด่นส่วนตัวที่น่าสนใจของแต่ละระบบ

5 อันดับ Android Phone ประจำปี 2019

ตลาดแอนดรอยด์โฟน หรือสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Androidในปัจจุบันนั้นมีการแข่งขันที่สูงมาก ทำให้ผู้ผลิตจากทุกแบรนด์ต่างอัดสเปคของสมาร์ทโฟนของตัวเองกันอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพื้นฐานอย่างขนาด หน้าจอ สเปคเครื่องที่มีความไหลลื่นปรู้ดปร้าด ไม่อืดเป็นเต่าคลาน แต่ทุกอย่างก็มีรากฐานมากจากความต้องการที่จะส่งมอบสมาร์ทโฟนที่มีคุณภาพที่สุดแก่ผู้ใช้งาน

และในครั้งนี้เราจะพามาดู 5 อันดับของแอนดรอยด์โฟน ที่ได้รับเสียงชื่นชมตรงกันจากหลากหลายโพล ว่าเป็น 5 อันดับของแอนดรอยด์โฟนประจำปี 2019 กัน..

วิ่งเข้าที่หนึ่งทุกโพลกันเลยที่เดียวสำหรับ Samsung Galaxy S10 Plus ที่ได้ชื่อว่าเป็น Android Phone ที่ดีไซน์มาเพื่อการเฉลิมฉลองการเป็นหนึ่งในผู้นำด้านสมาร์ทโฟนมาจนครบ 10 ปีได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยดีไซน์พิเศษที่มีหน้าจอชิดขอบแบบ Infinity-O Display หน้าจอความละเอียดสูงระดับ Dynamic AMOLED ที่ให้สีสันคมชัดดูสบายตา พร้อมระบบสแกนลายนิ้วมือรักษาความปลอดภัยบนหน้าจอ พร้อมด้วยกล้องคุณภาพสูง

นอกจากเรื่องกล้องและหน้าจอที่คุณภาพสูงแล้ว Samsung Galaxy S10 Plus ยังมาพร้อมกับแบตเตอรี่ที่ทรงพลัง สามารถแชร์จากเครื่องสู่เครื่องได้ด้วย Wireless PowerShare ให้คุณสามารถแชร์แบตเตอรี่ของคุณให้กับอุปกรณ์อื่นๆ ด้วยการชาร์จแบบไร้สาย ที่จะเพิ่มความสะดวกสบายให้กับชีวิตของคุณได้อย่างไร้ขีดจำกัดกันไปเลย

สมาร์ทโฟนที่รั้งตำแหน่งอันดับ 1 เรื่องกล้องถ่ายรูป โดดเด่นด้วยระบบกล้อง Leica Quad รวมถึงเลนส์ SuperZoom กล้อง Super Sensing ที่มีความละเอียด 40MP , เลนส์ Ultra Wide มุมกว้างความละเอียด 20 MP และกล้องหัวเหว่ย TOF ให้ผู้ใช้งานสามารถใช้ฟังก์ชั่นกล้องถ่ายรูปได้อย่างอิสระ ให้ภาพที่สวยงาม คมชัด ให้คุณสามารถเก็บภาพความทรงจำของคุณไว้ได้ราวกับย้อนกลับไปอยู่ในสถานที่เหล่านั้นอีกครั้ง

สามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่องด้วยความอึดของแบตเตอรี่รวมถึงฟังก์ชั่นการชาร์จที่ไม่ยุ่งยาก สามารถชาร์จแบตเตอรี่ให้ขึ้นมาได้ถึง 70% ภายใน 30 นาที ที่ผ่านการรับรองความปลอดภัย และเพิ่มความสะดวกสบายอีกขั้นให้กับชีวิตด้วยการตั้งค่าโทรศัพท์ของคุณให้เป็นการชาร์จแบบไร้สาย และชาร์จด้วย 15W HUAWEI Wireless Quick ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน TÜV Wireless Safety Charge ทำให้คุณไม่ต้องกังวลเรื่องสายชาร์จอีกต่อไป

OnePlus 7T Pro นั้นขึ้นชื่อเรื่องความลื่นปรื้ดปร้าดด้วย Qualcomm® Snapdragon™ 855 Plus อยู่แล้ว แต่ความสวยงาม คมชัดของภาพก็เป็นสิ่งที่ค่ายนี้เขาไม่ยอมน้อยหน้าเช่นกัน OnePlus 7T Pro เครื่องนี้เลยมาพร้อมหน้าจอ AMOLED แบบ Fluid Display มีค่ารีเฟรชเรท 90Hz และรองรับการรับชมคอนเทนต์แบบ HDR10+ พร้อมความพิเศษตรงที่ OnePlus 7T Pro เลือกใช้หน้าจอแบบโค้งและไม่มีติ่ง Waterdrop Screen ของกล้องหน้า เพราะซ่อนกล้องหน้าไว้ภายในเครื่องเลย พร้อมความละเอียดหน้าจอระดับ Quad HD+ ที่ชัดสุดๆ

เรื่องกล้องนี่ไม่ต้องกังวลเพราะเขามีมาให้อย่างจุใจ ด้วยกล้องหลัง 3 ตัว ที่มาพร้อมฟังก์ชั่น Nightscape อันเลื่องชื่อ, Ultra Wide Angle ที่จะเก็บภาพประทับใจได้อย่างทั่วถึง ไม่มีตกเฟรม และ 3x Telephoto ที่ช่วยให้คุณเก็บภาพที่ต้องซูมจากระยะไกลได้โดยที่ภาพไม่แตก ไม่เสียรายละเอียดสวยงามไป กล้องหน้า 1 ตัว และกล้องหน้าความละเอียด 16mp 1 ตัว

นอกจากความลื่นปรื้ดและกล้องแล้ว Warp Charge 30T ก็เป็นสิ่งที่ OnePlus ภูมิใจไม่น้อย เพราะสามารถชาร์จได้ให้กับสมาร์ทโฟนได้ถึง 68% ภายใน 30 นาทีเท่านั้น อะไรจะสบายกว่านี้ก็ไม่มีแล้วล่ะ

Xiaomi MI 9T Pro ตัวนี้มาพร้อมหน้าจอแสดงผลที่กินพื้นที่ด้านหน้าเกือบเต็มขอบ ทำให้สามารถรับชมคอนเทนต์ต่างๆได้อย่างเต็มตา ให้ภาพสวย คมชัดด้วยหน้าจอเทคโนโลยีแบบ Super AMOLED ให้ความละเอียดความแบบ FullHD+ มาพร้อม Qualcomm® Snapdragon™ 855 ที่เขาเคลมว่าทำให้ตัวเครื่องทำงานได้อย่างลื่นไหล

Xiaomi MI 9T Pro ตัวนี้เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ชื่นชอบความบันเทิงโดยแท้ เพราะมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 4000mAh ที่รองรับ Fast Charging ขนาด 27W ที่ทำให้คุณสามารถชาร์จไฟได้ 58% ในเวลาเพียง 30 นาที พร้อมตอกย้ำความเป็นสมาร์ทโฟนสำหรับเกมเมอร์ที่สามารถเล่นเกมส์ได้อย่างต่อเนื่องไม่มีสะดุดด้วยระบบระบายความร้อนที่มีถึง 8 เลเยอร์ ช่วยให้ประสิทธิภาพการระบายความร้อนเพิ่มขึ้น 650% ที่จะกดอุณหภูมิของตัวเครื่องให้เย็นกว่ารุ่นที่มีเพียง 1 เลเยอร์ถึง 8 องศาเซลเซียส เรียกได้ว่ากลุ่มเป้าหมายของเขาชัดเจนมากทีเดียว

พูดถึงสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์แล้วจะไม่พูดถึงเขาก็คงจะไม่ได้ Google Pixel 4 สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์สายเลือดแท้จาก Google ที่เขาเคลมว่าเป็นสมาร์ทโฟนเครื่องแรกของโลกที่มีเรดาห์ในตัว ด้วยการติด Motion Sense บริเวณขอบจอด้านบน สำหรับตรวจจับความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นด้านหน้าสมาร์ทโฟน การทำงานของเครื่องมีความราบรื่นด้วย Qualcomm® Snapdragon™ 855 ยอดฮิตของปีนี้ รวมทั้งมี Google Assistant ที่เสมือนมีผู้ช่วยติดตัวตลอดเวลา ทำให้คุณแทบไม่ต้องสัมผัสหน้าจอเลยแม้แต่น้อย เพราะคุณสามารถสั่งการคำสั่งต่างๆกับคุณผู้ช่วย Google ของคุณได้ด้วยเสียงของคุณเท่านั้น

เรื่องกล้องเขาก็ไม่น้อยหน้านะ เพราะให้กล้องหลังมาถึง 2 กล้อง ประกอบด้วยกล้องหลักความละเอียด 12MP และเลนส์ Telephoto ที่มีความละเอียด 16MP สำหรับซูมภาพ ที่จะเก็บรายละเอียดได้อย่างคมชัด ภาพไม่แตก ในส่วนของแบตเตอรี่ถ้าเทียบกับค่ายอื่นอาจจะอึดไม่เท่า เพราะเขาให้แบตเตอรี่มาที่ 2,800 mAh แต่ก็เพียงพอสำหรับการใช้งานที่จำเป็นในชีวิตประจำวันอยู่นะ

ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมาข้างต้นนี้ เรารวบรวมมาจากหลากหลายโพลทั้งของไทยและต่างประเทศนะคะ และเราก็เชื่อว่าผู้ใช้งานทุกท่านล้วนมีสมาร์ทโฟนในดวงใจของคุณ ซึ่งแต่ละค่ายนั้นก็ทำออกมาได้อย่างไม่น้อยหน้ากันเลยแม้แต่น้อย มีความโดดเด่นในเรื่องที่ตัวเองถนัด ซึ่งอาจจะมีทั้งที่อยู่ใน 5 อันดับนี้หรือไม่มีก็ตาม แต่เชื่อเถอะว่า.. ผู้ผลิตทุกค่ายต่างมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน ก็คือการมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้งานอย่างเราๆทุกคนแน่นอน..

ความแตกต่างระหว่าง Android & IOS - regawsdd

ความแตกต่างกันของ iPhone และ Android Phone ก็คือ iPhone มีผู้ผลิตรายเดียวคือแอปเปิ้ล จะไม่มีใครในโลกนี้ สามารถเอามือถือมาลง iPhone OS กลายเป็น iPhone มาขายได้อย่างแอปเปิ้ล ในขณะที่ Android (แอนดรอยด์) Phone นั้นใครๆก็เอาไปใช้ได้ เพราะกูเกิ้ลแจก Android OS ฟรี นอกจากใช้ได้แล้ว Google ยังให้เราสามารถเข้าไปแก้ไขดัดแปลง เจ้า Android ให้เป็นเวอร์ชั่นของเราได้อีกด้วยครับ

เชื่อมต่อแกับอุปกรณ์ภายนอกได้ง่าย (เสียบ USB กับคอมเครื่องไหนก็ได้) เข้าถึงไฟล์ต่างๆและปรับแต่งการตั้งค่าของเครื่องได้

ทำให้ผู้ใช้รู้สึกได้ถึงความเป็นหนึ่งเดียวระบบ (บัญชีเดียวใช้บริการได้อย่างครอบคลุม) ที่น่าสนใจคือปลอดภัยจากมัลแวร์

ส่วนจุดเด่นของระบบนี้คือ “Multitask” สามารถทำงานได้หลายแอพพร้อมกันในเวลาเดียว

สามารถปรับแต่งโฮมสรีนได้อย่างอิสระ และสำหรับคนที่ชอบแชทเป็นชีวิตจิตใจ

iOS โดดเด่นด้านความบันเทิง ทั้งเกมส์และแอพมีให้เลือกจำนวนมากและมีคุณภาพ

มีแอพระดับพรีเมี่ยมจาก Apple และที่สำคัญคือเครื่องที่ใช้ iOS รุ่นใหม่ๆ เล่นแอพเก่าๆได้เลย

หลังจากที่ iOS 6 เปิดตัวไปแล้ว ก็ถึงเวลานำ Mobile OS หลัก ๆ อย่าง Android OS และ Windows Phone OS มาเปรียบเทียบ ฟีเจอร์ต่อฟีเจอร์กัน ว่าแต่ละ OS นั้นมีดี มีด้อย ต่างกันอย่างไร

จุดเด่นของ iOS นั้นก็คือ ecosystem ที่เพียบพร้อมในด้านคอนเทนท์ ที่มีทั้ง เพลง หนัง แอพ และเกม ส่วน Google ก็พยายามเติม Android ให้มีบริการ ใกล้เคียงกับที่ iOS ดีอย่าง การเปิด Music และ Movie Store ในชื่อ Google Play Store ส่วน Windows Phone ก็พยายามอย่างหนักในการสนับสนุน นักพัฒนา ให้สร้างแอพ และเกม ขึ้น Windows Market ที่ตอนนี้ มีแอพมากกว่า 100,000 แล้ว ส่วนที่น่าสนใจของ Windows Phone ก็คือ Cloud service ที่ให้พื้นที่ฝากไฟล์ฟรี โดยผู้ใช้ใหม่ให้ถึง 7 GB. ส่วน ผู้ใช้เก่าก็ให้ถึง 25 GB เลยทีเดียว

ว่าไปแล้วทั้ง 3 Mobile OS นี้ต่างก็มีจุดแข็งเป็นของตนเอง อย่าง iOS ก็มาพร้อมความเสถียร ลื่นไหล ใช้งานได้ประทับใจผู้ใช้ ส่วน Windows Phone มี หน้าตาส่วนผู้ใช้ (UI) ที่สวยงาม ทันสมัย ส่วน Android ก็เด่นในด้านการ ปรับแต่งสารพัด และรองรับสเปคหลากหลายเครื่อง มาดูกันว่า แต่ละ OS ต่างกันอย่างไร ?

และสำหรับ จุดเด่น จุดด้อย แบบละเอียดระหว่าง Mobile OS สามารถอ่านได้ที่ เปรียบเทียบจุดเด่นจุดด้อย iOS, Android, BB, Windows Phone

หลายๆอย่างทั้ง iOS กับ Android นั้นทำได้เหมือนกัน แต่ที่ยกมานั้นเป็นจุดเด่นที่ระบบมี เป็นสิ่งที่ผู้ใช้ระดับ “ทั่วๆไป” พึงจะสัมผัสได้

แต่ถ้าคุณอยู่ในระดับ GEEK ทั้งสองระบบ ทำอะไรได้มากกว่าที่อธิบายไป

ซึ่งตอนนี้ถ้าใครที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนใหม่ๆ ซักเครื่อง ตอนนี้เห็นว่า สมาร์ทโฟนเลือดไทยอย่าง iMobile

ที่ออกมาพร้อมกันถึง 3 ตัว ได้แก่ IQ1 IQ2 และ IQ5 ที่งานนี้มาพร้อมกับระบบปฎิบัติการแอนดรอย 4.0 ICS

เป็นสมาร์ทโฟนที่ตอนนี้ไม่ว่า รีวิวไหนก็ยังชื่นชมกับสมาร์ทโฟนราคาย่อมเยา แต่สเปคครบเครื่อง

และหน้าจอใหญ่สะใจ 4.5 นิ้ว และ 5 นิ้ว พร้อมกับกล้องหลังที่จัดหนัก 8 ล้านพิกเซลกันเลยทีเดีย

ความแตกต่างของ Android กับ iOS จุดเด่นส่วนตัวที่น่าสนใจของแต่ละระบบ

ความแตกต่างของ Android กับ iOS จุดเด่นส่วนตัวที่น่าสนใจของแต่ละระบบ

หลายคนคงเคยได้ยินคำถามที่ว่าจะไปเล่นมือถือค่ายไหนดี ณ ตอนนี้ก็มี 2 ระบบหลักๆ คือระบบ Android และระบบ iOS ที่เป็นคู่แข่งกันอยู่ ซึ่งถ้าจะถามว่าระบบไหนดีกว่ากันนั้นมันก็จะเป็นคำถามที่ตอบยากเลยทีเดียว แต่ถ้าหากจะพูดถึงจุดเด่นของแต่ละระบบแล้วอาจจะดูน่าฟังกว่า อีกทั้งยังสามารถวิเคราะห์ความต้องการทางด้านการใช้งานที่แท้จริงของผู้ใช้ได้

Android - จะมีความเป็นอิสระค่อนข้างมาก เปรียบเสมือนคอมพิวเตอร์เครื่องนึงได้เลย เชื่อมต่อภายนอกได้ง่ายเสียบคอมที่ไหนก็ได้ ถ่ายโอนข้อมูลง่ายเหมือนเสียบแฟลชไดร์ฟ ลงแอพจากภายนอกได้ และยังสามารถปรับแต่งการตั้งค่าของเครื่องได้

iOS - จะเน้นความง่ายเป็นหลักเพราะระบบมีความซับซ้อนน้อย มีบริการจากส่วนกลาง เช่น iTunes, Games Center และ iClound ทุกอย่างอยู่ในหน้าโฮมสกรีนทำให้ง่ายต่อการจัดการ มีความเป็นหนึ่งเดียวของระบบหรือแค่บัญชีผู้ใช้บัญชีเดียวก็สามารถใช้บริการได้แทบทั้งหมด

Android - Android จะได้รับฉายาจอมพลังซึ่งสามารถทำการปรับแต่งให้เครื่องแรงขึ้นได้โดยการลงแอพเสริมช่วย และยังทำงานคล้ายกับคอมพิวเตอร์ซึ่งมีระบบการทำงานหลายอย่างพร้อมกัน หรือที่เรียกว่า Multi Tasking

iOS - iOS จะได้รับฉายาเทพแห่งความลื่นไหลและเสถียร ทั้งนี้ไม่ได้ลื่นเฉพาะหน้า โฮมสกรีนเท่านั้นแต่เวลาใช้งานแอพต่างๆอยู่ก็ลื่นไหลเช่นเดียวกันอีกทั้งยังประหยัดพลังงานแม้จะเปิดแอพต่างๆค้างไว้และถึงแม้ว่าจะลงแอพไปซัก 10 หน้านั่นก็ไม่ได้ทำให้ iOS มีความหน่วงหรือช้าลงเลย

จุดเด่นส่วนตัวของทั้งสอง

Android - โดดเด่นคือมีลูกเล่นเยอะสามารถเปลี่ยนธีมปรับแต่งได้อย่างไม่รู้จบ ปรับแต่งหน้าตาของเครื่องได้อย่างตามใจชอบ และเหมาะกับขาแชทเพราะมีคีย์บอร์ดต่างๆให้เลือกโหลดอย่างมากมาย

iOS - โดดเด่นด้านความบันเทิง มีแอพพลิเคชั่นและเกมส์ให้เลือกอย่างมากมายและมีคุณภาพ bสามารถใช้กับ iOS รุ่นใหม่ๆได้หมดแม้จะเป็นแอพเก่าก็ตาม อีกทั้งยังมีแอพที่ช่วยเหลืองานด้านเอกสาร งานตัดต่อหนัง และงานด้านดนตรีได้อีกด้วย

ความสามารถของทั้งสองระบบนี้จริงๆแล้วก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่ สามารถทำงานได้เหมือนกันเพียงแต่สิ่งที่ยกมานี้จะกล่าวถึงสิ่งที่ผู้ใช้ในปัจจุบันสามารถสัมผัสได้จริงๆ แต่ความสามารถจริงๆของทั้งสองระบบนี้ยังสามารถไปได้อีกไกลหากคุณศึกษาเข้าไปลึกกว่านี้อีก ดังนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณชอบแบบไหนในการเลือกมือถือซักเครื่องนึงของคุณเพื่อที่จะตอบโจทย์ของคุณได้อย่างแท้จริงและอยู่กับคุณไปนานๆ

Write a Comment