Xiaomi (เสี่ยวมี่) แบรนด์โทรศัพท์มือถืออันดับต้นๆ ที่ครองใจสาวกแอนดรอยด์
Xiaomi (เสี่ยวมี่) ที่เรารู้จักกันในปัจจุบันว่า เป็นหนึ่งในแบรนด์โทรศัพท์มือถืออันดับต้นๆ ที่ครองใจสาวกแอนดรอยด์ คู่แข่งที่หลายแบรนด์กำลังจับตามอง ไม่ได้เริ่มต้นจากผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือเหมือนเจ้าอื่นๆ แต่ด้วยความคิดริเริ่ม จากจุดเล็กๆ แต่เป็นหัวใจของการผลิตและพัฒนาเทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือ ของนักคิดหัวกระทิชาวจีน ที่เป็นทีมงานจากองค์กรชั้นนำระดับโลก เช่น Motorola , Google , Yahoo และ Microsoft
ก้าวแรกของ Xiaomi (เสี่ยวมี่) เริ่มต้นในเดือน เมษายนปี 2010 โดย Lei Jun อดีตซีอีโอของ Kingsoft เป็นบริษัทที่พัฒนาแอพพลิเคชั่นทางด้านเอกสารออฟฟิศจำพวก Word, Excel และ PowerPoint โดยเริ่มจากเป็นทีมทำรอมให้โทรศัพท์มือถือแอนดรอยด์ในงาน MIUI ด้วยคำถามสั้นๆที่โดนใจว่า ทำไมของดีต้องแพง? และสิ่งที่ทำให้ Xiaomi (เสี่ยวมี่) ขึ้นเป็นโทรศัพท์มือถือที่มียอดใช้อันดับหนึ่งของประเทศมหาอำนาจอย่างจีน เพราะ Xiaomi (เสี่ยวมี่) เข้าใจความต้องการของผู้ใช้งานในทุกระดับ และทำลายข้อจำกัดของเทคโนโลยีที่มีราคาสูง ซึ่งในปัจจุบัน Lei Jun ได้รับฉายาว่า สตีฟ จ๊อบแห่งแดนมังกร ด้วยรางวัล Phone of the Year 2016
ในปี 2011 Xiaomi (เสี่ยวมี่) ได้เปิดตัวโทรศัพท์มือถืออย่าง MI One และสร้างความฮือฮา มีเสียงการตอบรับที่ดีมากเพราะเป็นสมาร์ทโฟนสเปคสูงในราคาย่อมเยา จนสามารถทำยอดขายได้กว่า 7 ล้านเครื่อง!
และในปี 2014 Xiaomi (เสี่ยวมี่) ก้าวข้ามความเชื่อของสินค้าจีนทำเพื่อคนจีนเท่านั้น โดยเริ่มออกไปทำตลาดโลก โดยเริ่มในประเทศสิงคโปร์ ด้วยการปิดล็อตประวัติศาตร์ในการขายโทรศัพท์มือถือบนระบบ E-commerce ก็สามารถขายหมดได้เพียงสองนาทีแรกของที่เปิดขาย เมื่อได้รับการตอบรับเกินความคาดหมาย Xiaomi (เสี่ยวมี่) ไม่เพียงก้าวต่อไปเรื่อยๆเหมือนแผนธุรกิจของหลายๆแบรนด์ในปัจจุบันที่มุ่งหวังการครองตลาดเฉพาะภายในประเทศและประเทศใกล้เคียงเท่านั้น นอกจากประเทศในแถบเอเชีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน อินเดีย แต่ยังรุกเกมส์ครองตลาดโลกไปยัง ตุรกี รัสเซีย บราซิล และ แม็กซิโก เพื่อตอกย้ำว่า สินค้าจากประเทศจีนมีคุณภาพระดับที่โลกยอมรับ
นอกจาก Xiaomi (เสี่ยวมี่) จะทำสามาร์ทโฟนออกมาแล้ว ยังได้มีการพัฒนาสินค้า Smart Gadgetเช่น MI TV เครื่องฟอกอากาศ หม้อหุงข้าว และอุปกรณ์ต่างๆสำหรับคนรักสุขภาพอีกมากมาย เพื่อตอบสนองความต้องการสำหรับแฟนๆของ Xiaomi (เสี่ยวมี่) ที่สามารถใช้อุปกรณ์อื่นๆได้ในชีวิตประจำวันอีกด้วย
Xiaomi (เสี่ยวมี่) มีแฟนคลับทั่วโลกที่ไม่เพียงชื่นชอบกับคอนเซปและตัวสินค้า แต่ยังมีส่วนร่วมในการช่วยพัฒนาโทรศัพท์มือถือรุ่นต่างๆ และแอคเซสเซอรี่จนถึงปัจจุบัน ช่วยเพิ่มยอดขายให้ Xiaomi (เสี่ยวมี่) จนก้าวสู่อันดับ 1 ในประเทศจีน และครองใจคนทั่วโลกได้ไม่ยากเย็น
ในปี 2017 นี้ สำหรับประเทศไทย บริษัท ไอ-โมบาย ผู้ผลิต โทรศัพท์มือถือไอ-โมบาย ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นบริษัทคนไทย ที่ผลิตสินค้าเทคโนโลยี ในรูปของโทรศัพท์มือถือพิมพ์นิยมเพื่อคนไทย และครองใจคนไทยด้วยคอนเซป เทคโนโลยีไม่ไกลเกินเอื้อมมากว่า 13 ปี เล็งเห็นถึงความสอดคล้องในวิสัยทัศน์ แนวคิดทางธุกิจและแนวทางการพัฒนาสินค้าต่อตลาดโลก ของ Xiaomi (เสี่ยวมี่) โดยได้ทำการทดลองตลาดนำ Xiaomi (เสี่ยวมี่) ทั้ง 3รุ่น คือ รุ่น MI Note2 หน้าจอโค้งด้วยเทคโนโลยี OLED ตามมาด้วย MI 5s เทคโนโลยีแสกนลายนิ้วมือ แบบ Ultrasonic และ MI 5s Plus กล้องคู่ 13 ล้านพิกเซล (Dual Camera) ซึ่งเจาะกลุ่มผู้ชื่นชอบสมาร์ทโฟนที่โดดเด่นด้วยเรื่องของดีไซน์ที่มาพร้อมเทคโนโลยีระดับสูง และรวมไปถึง User Interface ที่พัฒนาโดย Xiaomi เองหรือที่รู้จักกันในนาม MIUI ซึ่งแตกต่างจากรุ่นอื่นๆ คือ Dual App และ Dual Space สามารถใช้งานโซเชียลแอพพลิเคชั่น พร้อมกัน 2 แอคเคาน์ และแบ่งพื้นที่การใช้งานได้ 2 สเปซ ที่สร้างปรากฎการณ์ขายหมดล็อตแรกภายใน 2 สัปดาห์ ซึ่งพร้อมเดินหน้าสั่งเพิ่มล็อตใหม่ และเตรียมเปิดตัว 2 รุ่นใหม่ ที่งาน Thailand Mobile Expo
นั่นก็คือ Redmi 4X ที่มากับความอึดของแบตเตอรี่ถึง 4100 mAh รับรองว่าถูกใจคอเกมส์แน่นอน และ Redmi 4A ที่รองรับ 4G LTE ด้วยราคาเบาๆ ที่จะนำวางจำหน่ายครั้งแรก และโชว์ นวัตกรรม Smart Technology และ สินค้า IOT (Internet Of Thing) มากมาย พร้อมทั้งสินค้าราคาพิเศษจาก i-mobile กับราคาที่จะต้องร้องว้าว และภายในงานยังมีกิจกรรมร่วมสนุกอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นราคาพิเศษช่วงนาทีทอง และการประมูลเครื่อง Xiaomi (เสี่ยวมี่) อีกด้วย
ไปสัมผัสตัวจริงของ Xiaomi (เสี่ยวมี่) และร่วมกันเปิดตัวอีก 2 รุ่นใหม่ได้แล้ววันนี้กับโทรศัพท์มือถือราคาจับต้องได้ แต่สเปคล้ำ รับรองว่าคุ้มแน่นอน แล้วมาเจอกัน!!!ในงาน Thailand Mobile Expo ณ ศูนย์สิริกิตติ์ ในวันที่ 18-21 พฤษภาคม 2560 บริเวณ Zone C บูธ CM9 เวลา 10.00 น. – 20.00 น. ที่ทุกคนตั้งตารอคอยกันอยู่นั่นเอง
Write a Comment