ขอตรวจหน่อย! Apple เปิดระบบตรวจเข้มภาพล่วงละเมิดเด็กบนอุปกรณ์ต่าง ๆ
ออกระบบใหม่ใส่ใจเยาวชนก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ก็มีกระแสตีกลับว่า “แล้ว Apple ล่ะ กำลังละเมิดสิทธิของผู้ใช้งานอยู่ไหม?”
ขึ้นชื่อว่าเป็นบริษัทที่ให้ความสำคัญกับสิทธิและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานมาก ๆ ล่าสุด Apple จึงได้ออกมาเปิดตัวระบบใหม่ที่จะช่วยปกป้องสิทธิของเยาวชนได้มากขึ้น ด้วยการออกระบบที่จะช่วยสแกนและตรวจสอบภาพการล่วงละเมิดเด็กบนอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่นภาพถ่ายใน iPhone และภาพที่อัปโหลดบน iCloud ได้ โดยจะเริ่มต้นใช้ในสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศแรก ระบบนี้จะช่วยตรวจสอบภาพที่มีการล่วงละเมิดเด็ก ซึ่งวิธีการทำงานของมันคือการเปลี่ยนภาพถ่ายบนอุปกรณ์ ให้กลายเป็น “hashes” หรือชุดตัวเลขที่ซับซ้อน จากนั้นก็จะทำการจับคู่ hashes รูปภาพบน iPhone และภาพที่อัปโหลดบน iCloud กับรหัส hashes ที่อยู่ในฐานข้อมูลของศูนย์เพื่อเด็กหายและถูกฉวยผลประโยชน์แห่งชาติ (หรือ National Center for Missing and Exploited Children ซึ่งเป็นองค์การไม่แสวงหาผลกำไรเอกชน จัดตั้งโดยรัฐสภาแห่งสหรัฐอเมริกา) เพื่อตรวจสอบว่ามีการละเมิดเด็กหรือไม่ ถ้าชุดตัวเลขตรงกัน ก็จะมีการส่งข้อมูลไปยังเจ้าหน้าที่ให้ช่วยตรวจสอบอีกครั้ง และถ้าตรวจสอบแล้วพบว่าใช่ เจ้าหน้าที่ก็จะดำเนินการดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปเพื่อปิดใช้งานบัญชีของผู้ใช้และรายงานต่อหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งเกณฑ์การตรวจสอบก็จะขึ้นอยู่กับกฎหมายของแต่ละประเทศด้วย
แต่ถึงแม้ว่า Apple จะได้รับคำชื่นชมจากการออกมาให้ความสำคัญกับกรณีการล่วงละเมิดเด็กด้วยการออกระบบนี้ออกมา แต่ก็ทำให้เกิดความกังวลจากหลายฝ่ายว่า ถ้าบริษัทสามารถตรวจสอบอุปกรณ์ของผู้ใช้งานได้เช่นนี้ แล้วรัฐบาลจะสามารถฉวยโอกาสเอาระบบนี้ไปใช้สอดแนมได้หรือไม่? โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่าการออกมาเคลื่อนไหวครั้งนี้ของ Apple ก็ดูจะแย้งกับเมื่อปี 2016 ที่ Apple ปฎิเสธคำขอของ FBI ที่จะปลดล็อก iPhone ของชายคนหนึ่งซึ่งเชื่อว่าอยู่เบื้องหลังการก่อการร้ายที่ซานเบอร์นาดิโน โดย Apple ให้เหตุผลว่าต้องปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ และ Tim Cook เองยังกล่าวว่าคำขอของรัฐบาลในครั้งนั้นอาจจะทำให้เกิดช่องทาง Backdoor ที่จะเปิดโอกาสให้รัฐบาลสามารถเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้งานได้ แต่ในตอนนี้กลับเป็นฝ่ายเข้าไปดูข้อมูลของลูกค้าเสียเอง? ดังนั้นผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยหลายคนจึงออกมาแสดงกังวลว่า Apple อาจจะกำลังทำพลาดครั้งใหญ่ เพราะการทำระบบนี้แสดงให้เห็นว่าพวกเขาเต็มใจที่จะเข้าถึงโทรศัพท์ของลูกค้า มากกว่ารักษาความเป็นส่วนตัวตามที่เคยอ้าง และความหวังดีในการออกแบบระบบช่วยตรวจสอบข้อมูลของลูกค้าเพื่อค้นหาภาพการละเมิดเด็ก อาจจะขยายไปสู่การใช้งานเพื่อการตรวจสอบอื่น ๆ ที่รัฐบาลสามารถสั่งการ เพื่อสอดแนมพลเมืองของตนเองได้
แม้กระทั่งเพื่อนร่วมวงการเทคโนโลยีอย่างแอปพลิเคชันแชตชื่อดัง WhatsApp ยังออกมาวิจารณ์การเคลื่อนไหวของ Apple เช่นกัน โดย Will Cathcart หัวหน้า WhatsApp ทวีตว่า “เรามีคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลมานานหลายทศวรรษ และไม่เคยมีคำสั่งให้สแกนเนื้อหาส่วนตัวของเดสก์ท็อป แล็ปท็อป หรือโทรศัพท์ทั้งหมดทั่วโลกเพื่อหาเนื้อหาที่ผิดกฎหมาย” อย่างไรก็ตาม Apple ก็ได้ออกมาให้ความอุ่นใจด้วยการย้ำว่า ระบบนี้จะสแกนเฉพาะภาพถ่ายท่ีตรงกับฐานข้อมูลเท่านั้น และจะมีกระบวนการตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ และบริษัทจะไม่ส่งรายงานจากระบบตรวจสอบภาพถ่ายไปยังหน่วยงานทางกฎหมาย หากการตรวจสอบพบแล้วว่าไม่มีภาพการล่วงละเมิดเด็กแต่อย่างใด
Write a Comment