ทำความรู้จัก YouPik แอปพลิเคชันน้องใหม่สายช้อป

เพิ่งผ่านวันที่​ 9​ เดือน​ 9​ มาไม่นาน​ บอกพี่ทุยเลยว่า​โดนค่าเสียหายชนิดที่เรียกว่ายับ ฮ่า ๆ วันนี้พี่ทุยขอเตือนว่าให้ขาช้อปทั้งหลายรีบ เอา Application​ Internet​ Banking ในมือถือออกด่วน ๆ เพราะวันนี้พี่ทุยมีเรื่องราวเกี่ยวกับแอปพลิเคชันช้อปปิ้งที่กำลังฮอตฮิตติดลมบน​มาฝาก​ ถ้าเลื่อนหน้า Newsfeed กันบ่อย ๆ​ พี่ทุยมั่นใจว่าต้องเคยเห็นกันบ้างแหละกับ​ Application ​ตัวนี้มีชื่อว่า​ “YouPik” นั่นเอง

ก่อนอื่น​ เรามาทำความรู้​จักกับ Application ​นี้​กันก่อนเลย​ YouPik​ เค้าคือ Application ​ช้อปปิ้งออนไลน์​น้องใหม่ที่เพิ่งเข้ามาตีตลาดไม่นานนี้ และไม่ทันไรก็เป็นที่นิยมจนตีขึ้นเป็นอันดับ​ 3 รองจาก​พี่ใหญ่ในวงการอย่าง​ Shopee และ Lazada ​ ซึ่งจริง ๆ ​แล้วเค้าเป็น App ในเครือของ​ Lazada​ เองนั่นแหละ​ แต่รูปแบบการขายก็มีความต่างกันอยู่หลายข้อนะ

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้​ ตลาด E-Commerce ได้มีมูลค่าสูงขึ้นทุก ๆ​ ปี​ สาเหตุหลักน่าจะมาจากการเข้าถึงสมาร์ทโฟน​ อย่างที่เห็นว่า​ เดี๋ยวนี้​สมาร์ทโฟน​มีหลายราคามาก​ ตั้งแต่ราคาสบายกระเป๋าไม่กี่พันบาท​จนถึงสมาร์ทโฟน​รุ่นที่มีฟังก์ชั่น​รองรับการทำงานครบครันราคาหลายหมื่นบาท​ แต่ไม่ว่ารุ่นไหน ๆ​ ล้วนสามารถเข้าใช้งาน Social Network พื้นฐาน​ รวมถึง​ E-Marketplace ได้​ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ปัจจุบันคนไทยถึง​ 80% จะได้ครอบครองเป็นเจ้าของสมาร์ทโฟน​และมีการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตกว่า​ 45​ ล้านคน​ คิดเป็นเวลาการใช้งานอินเทอร์เน็ตเฉลี่ย​ 4.2 ชั่วโมงต่อวัน

จากสถิติพบว่า​ ค่าเฉลี่ย​ในการใช้สมาร์ทโฟน​ช้อปปิ้งออนไลน์ของคนทั้งโลกอยู่ที่​ 55% ประเทศ​ที่มีพฤติกรรม​การช้อปปิ้งออนไลน์​ด้วยสมาร์ทโฟน​สูงเป็นอันดับ​ 1 คืออินโดนีเซีย ที่ 76%​ อันดับที่ 2 คือ​ จีน​ ด้วยตัวเลข​ 74% และไทยเราก็ตามมาติด ๆ​ เป็นอันดับ​ 3 ที่​ 71% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ย​โลกอยู่พอสมควรเลย

เพราะฉะนั้น​เราคงพอเห็นภาพแล้วว่า​ ทำไมการขายของออนไลน์​ถึงเป็นช่องทางที่พ่อค้าแม่ค้าสนใจกันมาก​ ไม่ว่าใครก็ต่างพูดถึงแพลตฟอร์ม​ช้อปปิ้งออนไลน์​อย่าง​ Lazada,​ Shopee​ และตอนนี้อาจจะมี “YouPik” เข้ามาขอส่วนเเบ่งเค้กก้อนโตของตลาดนี้อีกเจ้านึง

หลาย ๆ​ คนอาจเคยคิดว่า​ “Lazada และ Shopee ขายของดีขนาดนั้น​ ต้องกำไรปีนึงเป็นหลายพันล้านเเน่เลย” พี่ทุยขอบอกว่าตรงกันข้ามกับที่เราคิดเลยจ่ะ​

• Lazada​ เปิดมาตั้งเเต่ ​ปี​ 2555 และขาดทุนมาตลอด​ ต่อมาปี​ 2558​ ขาดทุน​ประมาณ​ 2,000 ล้านบาท​ ในปี 2559 ขาดทุน​ 2,100​ ล้าน​ ส่วนปี​ 2560 ขาดทุน​ 570 ล้านบาท

• Shopee​ เพิ่งเปิด​ ปี 2559​ และในปี​ 2559 นั้น​ ขาดทุน​ประมาณ​ 530 ล้านบาท​ ส่วนปี​ 2560 ​ขาดทุนไป​ 1,400 ล้านบาท

ถึงจะเป็น Application ช้อปปิ้งออนไลน์​เหมือนกัน​ แต่เค้าก็มีกลุ่มเป้าหมายลูกค้าที่แตกต่างกันออกไป​ Lazada​ จะเน้นกลุ่มเป้าหมายลูกค้าที่โตกว่า​ส่วน Shopee จะเน้นกลุ่มเด็กวัยรุ่น​ นอกจากนี้​ยังพบว่าผู้ใช้งาน​ 58% ของ Shopee​ เป็นผู้หญิง​ ในขณะที่​ผู้ใช้งาน​ 57% ของ​ Lazada​ เป็นผู้ชาย​ รูปแบบหน้าตาของ Application ​Lazada จึงดูเรียบ​และขรึมมากกว่า​ Shopee

แต่เค้าทำการตลาดโดยการ “แข่งขันด้านราคา” เหมือนกัน​ พูดง่าย ๆ​ คือ​การแข่งกันลดแลกแจกแถม​ จัดโปรโมชั่น​ เช่น​ 9 เดือน 9 ซึ่งพอ Lazada มี​ Shopee ​ก็มีด้วย​ ซึ่งการทำเช่นนี้เป็นผลดีต่อผู้บริโภค​เพราะจะได้สินค้าที่ถูกลง​ โปรโมชั่น​งาม ๆ​ เป็นต้น​ ส่วนผลที่มีต่อฝั่งผู้ขายและทาง Application ​น่ะเหรอ ? ก็อย่างที่เห็นในตัวเลขกำไร-ขาดทุนนั่นแหละ

แต่น้องใหม่สายช้อปอย่าง​ YouPik​ ไม่ได้เข้าสนามมาด้วยความตั้งใจที่จะทำกำไรโดยการดึงลูกค้ามาซื้อของในราคาที่ถูกกว่า​ แต่เค้าทำการตลาดผ่าน​

“การบอกปากต่อปาก”

บิลบอร์ด​​ ในขณะที่สมัยที่แทบทุกคนเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ง่าย ๆ​ พอกับการเข้าถึงอากาศ​อย่างยุคนี้​ การแนะนำจากคนรู้จักหรือแม้แต่การรีวิวจากคนที่เราไม่รู้จักกลับเป็นอะไรที่มีอิทธิพลต่อการซื้อของผู้คนมาก​ เพราะ​มี​ Social Network เป็นกระบอกขยายเสียงจากผู้ใช้งานจริงไปทั่วโลกยังไงล่ะ

ถึงสินค้านั้น ๆ​ จะมีการโฆษณาในทุกสื่อ และโฆษณา​แบบฮาร์ดคอร์ด้วย​ แต่ได้รับการพูดถึงหรือรีวิวจากผู้ใช้งานจริงทางอินเทอร์เน็ต​ว่าไม่ดี​สมคำโฆษณา​ การโฆษณา​นั้น ๆ​ ก็ย่อมไร้ผล

• พบว่า​ลูกค้าจำนวน​ 57% ที่จะไม่ซื้อสินค้าหรือใช้บริการร้านที่ได้รับการรีวิวจากอินเทอร์​เน็ตไม่ดี

• ลูกค้า 92% บอกว่าเหตุผลหลักในการซื้อสินค้าหรือใช้บริการร้านใด ๆ​ มาจากการเชื่อในคำแนะนำแบบปากต่อปากนี่แหละ

• ลูกค้า 76% จะแนะนำสินค้าจากบริษัทที่พวกเขาไว้ใจให้กับคนรู้จัก

• ลูกค้า​ 20-50% บอกว่าเหตุผลหลักที่เป็นเบื้องหลังของการตัดสินใจ​ซื้อของมาจากคำแนะนำแบบปากต่อปาก

ระบบการขายของ​ “YouPik” เป็นรูปแบบการตลาดโดยอาศัยคำแนะนำแบบปากต่อปากเต็ม ๆ​ เลย​ โดยให้ผู้ขายทำการรีวิวสินค้านั้น ๆ​ ลงโซเชียลของตัวเอง​ เช่น​ Facebook​ หรือ​ บางทีก็เป็น​ “Influencer” หรือผู้ที่เป็นที่รู้จัก​ในวงการนั้น ๆ​ เช่น​ Beauty Blogger ก็จะรีวิวชักชวนคนมาซื้อสินค้าเกี่ยวกับความสวยความงามผ่านทาง​แฟนเพจใน Facebook​ ของตัวเอง

ดู ๆ​ ไปหลายคนก็คงนึกเถียงในใจว่านี่มันธุรกิจ​ MLM​ นี่หน่า​ แต่ถ้า​พิจารณา​ดี ๆ​ แล้วก็จะพบว่ามีความแตกต่างหลายข้อเหมือนกันนะ​ เช่น​ ไม่ต้องเน้นรักษายอดขาย​ บังคับทำยอดและไม่ได้มีค่าแรกเข้า​ (แต่ต้องซื้อของให้ครบ​ 999 ​บาท​ ถึงจะเป็นผู้ขายได้)​

YouPik​ เป็นตัวอย่างของธุรกิ​จแนวใหม่ที่ยืนยันกับเราว่า​ ไม่มีคำว่า​ “เป็นไปไม่ได้” ในโลกทุกวันนี้​ เพียงแค่เราพลิกมุมคิด​ คำว่า​ “ไม่” ตรงกลางก็จะหลุดออกไป​เอง​ อย่างการขายของ​ที่น่าจะต้องพึ่งพาการโฆษณา​เต็ม ๆ​ ก็สามารถเปลี่ยนเป็นการโฆษณา​ฟรี ๆ​ แบบปากต่อปากจากผู้ใช้งานได้

มาติดตามดูกันว่าความนิยมใน​น้องใหม่อย่าง​ YouPik​ จะยั่งยืนหรือเป็นแค่ไฟไหม้ฟาง​ ที่เดี๋ยว​เดียวผู้คนก็ต่างลืม​ นี่เขียนไปเขียนมา​ พี่ทุยก็ชักอยากไปส่องสินค้าใน​ YouPik​ บ้างเเล้ว​ แต่ไม่ว่าของชิ้นนั้น ๆ​ จะเย้ายวนยังไงก็ต้องคิดให้ดีก่อนซื้อนะ​ ไม่งั้นแทนที่จะได้ทรัพย์สิน​ กลับได้หนี้มาเสียเต็มบ้านเลย​(อิอิ)​

Write a Comment