มีงบไม่เกิน 6,000 บาท จัดมือถือรุ่นไหนได้บ้าง?
[รีวิว] Samsung Galaxy A70 มือถือจอยักษ์ 6.7 นิ้ว สเปกคอเกม ด้วยชิป Snapdragon 675, RAM 8 GB, กล้องหลัง 3 ตัว 32MP และแบตใหญ่จุใจ 4,500 mAh ชาร์จไว 25W เคาะราคาที่ 15,990 บาท :: .com
เรียกได้ว่าในปีนี้ ทาง Samsung ส่งสมาร์ทโฟนในตระกูล Galaxy A-Series มาทำตลาดสมาร์ทโฟนในระดับเริ่มต้นจนถึงระดับกลางกันอย่างต่อเนื่อง เริ่มกันตั้งแต่น้องเล็กของซีรี่ส์นี้อย่าง Samsung Galaxy A10, Samsung Galaxy A20, Samsung Galaxy A30, Samsung Galaxy A50 และรุ่นท็อปตัวล่าสุดอย่าง Samsung Galaxy A70 ที่จะนำมารีวิวให้ชมกันในวันนี้นั่นเอง
ถ้าหากเปรียบเทียบกันในด้านดีไซน์ ทั้ง Samsung Galaxy A70 และ Samsung Galaxy A50 แทบจะไม่แตกต่างกันเท่าใดนัก เพราะทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมกับดีไซน์แบบ Infinity-U Display และกล้องด้านหลัง 3 ตัว (Triple-Camera) แต่ Samsung Galaxy A70 นั้นโดดเด่นกว่าตรงที่มาพร้อมกับหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 6.7 นิ้ว แบบ Super AMOLED ความละเอียด 1080 x 2400 พิกเซล ในอัตราส่วน 20:9 รวมถึงกล้องด้านหน้าและกล้องด้านหลังที่ละเอียดขึ้น และแบตเตอรี่ขนาดความจุมากขึ้นถึง 4,500 mAh พร้อมรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วแบบ Super Fast Charging ขนาด 25W ไวที่สุดในบรรดามือถือซัมซุงทุกรุ่นในตอนนี้อีกด้วย
กล้องถ่ายรูป ถือว่าเป็นจุดขายหลักของ Samsung Galaxy A70 รุ่นนี้เลยก็ว่าได้ ซึ่งกล้องด้านหน้า ความละเอียดอยู่ที่ 32 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด F/2.0 และรองรับฟีเจอร์ถ่ายภาพ Live Focus สำหรับถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ ส่วนกล้องด้านหลัง เป็นกล้อง 3 ตัว (Triple-Camera) ซึ่งประกอบด้วย เลนส์หลัก ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล (F/1.7), เลนส์ Ultra Wide มุมกว้าง 123 องศา ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล (F/2.2) และเลนส์ Depth สำหรับถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอในโหมด Live Focus ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล (F/2.2)
ด้านการประมวลผล มาพร้อมกับชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 675 แบบ Octa-Core Processor ความเร็ว 2.0 GHz, หน่วยประมวลผลภาพกราฟิก Adreno 612 GPU, หน่วยความจำ RAM ขนาด 8 GB, หน่วยความจำ ROM ขนาด 128 GB รองรับ microSD Card สูงสุด 512 GB, รองรับการสแกนนิ้วบนหน้าจอ (On-Screen Fingerprint) แบบเดียวกับรุ่นเรือธงอย่าง Samsung Galaxy S10 และทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 9.0 (Pie) พร้อมอินเทอร์เฟส One UI
และในวันนี้ Samsung Galaxy A70 ก็มาอยู่ในมือทีมงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มาพิสูจน์ความน่าใช้งานไปพร้อม ๆ กันกับ รีวิว Samsung Galaxy A70 โดยทีมงาน
Samsung Galaxy A70 มาพร้อมกับดีไซน์แบบ Infinity-U Display ขนาดหน้าจอ 6.7 นิ้ว แบบ Super AMOLED ความละเอียด 1080 x 2400 พิกเซล ในอัตราส่วน 20:9 โดยมีขนาดตัวเครื่องอยู่ที่ 164.3 x 76.7 x 7.9 มิลลิเมตร น้ำหนัก 183 กรัม
ด้านบนของหน้าจอแสดงผล ประกอบด้วย กล้องด้านหน้า ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล (รูรับแสง F/2.0) พร้อมเซ็นเซอร์ Ambient Light สำหรับปรับความสว่างของหน้าจอให้เหมาะสมตามสภาพแวดล้อมที่ใช้ และเซ็นเซอร์ Proximity ปิดหน้าจออัตโนมัติขณะสนทนาเพื่อประหยัดพลังงาน ซึ่งเหนือกล้องด้านหน้า คือลำโพงสำหรับสนทนา
ด้านล่างของหน้าจอแสดงผล เป็นปุ่มควบคุมการทำงานแบบสัมผัส ประกอบด้วย ปุ่ม Recent Apps, ปุ่ม Home และปุ่มย้อนกลับ ซึ่ง Samsung Galaxy A70 รุ่นนี้ รองรับการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ (On-Screen Fingerprint) แบบเดียวกับ Samsung Galaxy S10 รุ่นเรือธง รวมถึง Samsung Galaxy A50
ด้านขวาของตัวเครื่อง เป็นปุ่ม Power สำหรับเปิด-ปิดตัวเครื่อง หรือล็อกหน้าจอแสดงผล และปุ่มปรับระดับเสียง ส่วนด้านซ้ายของตัวเครื่อง เป็นถาดใส่ซิมการ์ด ซึ่ง Samsung Galaxy A70 รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดแบบ Triple Slot สามารถใส่ซิมการ์ดที่ 1, ซิมการ์ดที่ 2 และ microSD Card ได้พร้อมกัน
ด้านบนของตัวเครื่อง เป็นไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวน ส่วนด้านล่างตัวเครื่อง เป็นช่องหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร, พอร์ต USB-C, ไมโครโฟนตัวหลักสำหรับสนทนา และลำโพงเสียง
สำหรับฝาหลังเป็นพลาสติกแบบใหม่ที่เรียกว่า 3D Glasstic ที่มีการเคลือบผิวสัมผัสให้มีความแวววาวคล้ายกระจก ซึ่ง Samsung Galaxy A70 รุ่นที่นำมารีวิวในครั้งนี้ คือตัวเครื่องสีดำ แต่จากรูปจะเห็นว่า บอดี้ด้านหลังจะมีการไล่เฉดเป็นสีรุ้งเมื่อสะท้อนกับแสง หรือเอียงตัวเครื่องไปตามมุมต่าง ๆ ทำให้ตัวเครื่องสีดำนี้ ดูสวยงามและโดดเด่นมากอีกสีหนึ่ง
ส่วนกล้องด้านหลังบน Samsung Galaxy A70 นั้น เป็นกล้อง 3 ตัว (Triple-Camera) ประกอบด้วย เลนส์หลัก ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล (F/1.7), เลนส์ Ultra Wide มุมมองกว้าง 123 องศา ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล (F/2.2) และเลนส์ Depth สำหรับถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอในโหมด Live Focus ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล (F/2.2) พร้อมไฟแฟลชแบบ LED
สำหรับอุปกรณ์ที่ให้มาในชุดจำหน่ายมาตรฐาน ประกอบด้วย Adapter สำหรับชาร์จไฟแบบ Super Fast Charging กำลังไฟ 25W, สายชาร์จแบบ USB-C, หูฟังแบบ In-Ear และเคสซิลิโคนแบบใส
Samsung Galaxy A70 ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 9.0 (Pie) และอินเทอร์เฟส One UI เวอร์ชัน 1.1 ซึ่งเป็นเวอร์ชันเดียวกับ Samsung Galaxy S10-Series รุ่นเรือธง
การปัดขึ้นจากหน้า Home จะเข้าสู่ App Drawer รวมแอปพลิเคชันที่มีทั้งหมดในตัวเครื่อง เบื้องต้นนั้นมีแอปพลิเคชันพื้นฐานของทาง Samsung, Google และ Microsoft ติดตั้งมาให้เรียบร้อยแล้ว
สำหรับฟังก์ชันการแจ้งเตือน สามารถเข้าสู่เมนูลัดสำหรับตั้งค่าการใช้งานในเบื้องต้นได้ ทั้ง Wi-Fi, Bluetooth, ล็อกการหมุนของหน้าจอ, ปรับความสว่างของหน้าจอ, ไฟฉาย, Airplane Mode และอื่น ๆ
การปัดจากซ้ายไปขวา จะเป็นการเปิดใช้งานฟีเจอร์ Bixby Home เวอร์ชัน 3.0 ด้านในจะประกอบด้วยคอนเทนต์ต่าง ๆ ที่ผู้ใช้ให้ความสนใจ รวมถึงข้อมูลและกิจกรรมต่าง ๆ ของผู้ใช้จะถูกรวมมาไว้ในหน้าเดียว
ด้านปุ่มควบคุมการทำงานแบบสัมผัส สามารถเลือกสลับตำแหน่งของปุ่ม Recent Apps กับปุ่ม Back ได้ หรือจะเปลี่ยนเป็นการควบคุมการทำงานแบบใช้ท่าทางก็ได้เช่นกัน
สามารถเลือกแอปพลิเคชันที่ต้องการให้แสดงผลแบบเต็มหน้าจอได้ หรือจะเปิดฟังก์ชัน ซ่อนขอบกล้อง ซึ่งจะเป็นการเพิ่มแถบสีดำที่ด้านบนของหน้าจอเพื่อไม่ให้มองเห็นกล้องด้านหน้า
รองรับฟีเจอร์ Always On Display กับการแสดงวันที่, เวลา รวมถึงข้อความแจ้งเตือนต่าง ๆ บนหน้า Lock Screen ในขณะที่หน้าจอยังดับอยู่
รองรับฟีเจอร์ฟิลเตอร์แสงสีฟ้า กับการจำกัดปริมาณแสงสีฟ้าบนหน้าจอด้วยการเปลี่ยนสีบนหน้าจอให้เป็นสีเหลืองนวล เพื่อลดอาการล้าที่ดวงตาเมื่อใช้เป็นเวลานาน ๆ หรือใช้ในที่แสงน้อย นอกจากนี้ยังมีโหมดกลางคืน กับการเปลี่ยนธีมให้เป็นสีทึบ สำหรับการใช้งานในที่แสงน้อยให้สบายตามากขึ้น
ในด้านความปลอดภัยและการปลดล็อกตัวเครื่องนั้น รองรับทั้งการสแกนใบหน้า (Face Recognition) และการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ (On-Screen Fingerprint)
รองรับ Secure Folder (โฟลเดอร์ที่ปลอดภัย) ปกป้องข้อมูลสำคัญของผู้ใช้ด้วยการเข้ารหัส
Samsung Members เป็นแอปพลิเคชันที่ผู้ใช้สามารถรับบริการต่าง ๆ เช่น ข่าวสารล่าสุด, บริการความช่วยเหลือ 24 ชั่วโมง, ทิป-เทคนิคการใช้งาน พร้อมตรวจสอบหาปัญหาและให้คำปรึกษาต่าง ๆ เพื่อให้มือถือ Samsung รุ่นที่ใช้อยู่นั้นอยู่ในสภาพที่ดีที่สุด
Samsung Max เป็นแอปพลิเคชันที่มาพร้อมกับคุณสมบัติในการบีบอัดข้อมูลในการใช้งานอินเทอร์เน็ตให้มีขนาดที่เล็กลง รวมถึงจัดการแอปพลิเคชันที่มีการทำงานแบบเบื้องหลัง เพื่อทำให้ตัวเครื่องประมวลผลได้ไวขึ้น และเป็นการประหยัดค่าใช้จ่าย อีกทั้งจะส่งการแจ้งเตือนเมื่อพบเจอแอปฯ ที่ใช้งานข้อมูลแบบเบื้องหลังมากจนเกินไป นอกจากนี้ ยังมีความปลอดภัยสูงด้วยฟังก์ชันปกป้องความเป็นส่วนตัว ด้วยการเชื่อมต่อแบบเข้ารหัสเมื่อพบว่า ตัวเครื่องได้ถูกเชื่อมต่อกับ Wi-Fi สาธารณะ รวมถึงปิดกั้นการติดตามจากเว็บไซต์ต่าง ๆ
SmartThings คือแอปพลิเคชันจัดการอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ภายในบ้านแบบอัจฉริยะ และควบคุมการใช้งานผ่านทางสมาร์ทโฟน ซึ่งนอกจากจะรองรับเครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์ Samsung แล้ว ยังรองรับแบรนด์อื่น ๆ ด้วยเช่นกัน
มาทดสอบด้านการเล่นเกมยอดนิยมอย่าง PUBG Mobile กับ ROV กันบ้าง โดย Samsung Galaxy A70 มาพร้อมกับชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 675 แบบ Octa-Core Processor ความเร็ว 2.0 GHz และหน่วยความจำ RAM ขนาด 8 GB ซึ่งจากการทดสอบเล่นเกมทั้ง 2 เกมข้างต้นด้วยการเปิดกราฟิกในระดับ HD พบว่า ตอบสนองต่อการใช้งานได้อย่างลื่นไหล แทบไม่มีอาการหน่วง แต่ตัวเครื่องจะมีความร้อนสะสมบ้างขณะใช้งาน
ทดสอบ Benchmark ด้วยโปรแกรม Geekbench 4 ทำได้ 2,385 คะแนน (Single-Core) และ 6,559 คะแนน (Multi-Core) ส่วนการทดสอบด้วยโปรแกรม AnTuTu ทำได้ 170,122 คะแนน ซึ่งได้คะแนนทดสอบสูงกว่า Samsung Galaxy A50 เล็กน้อย
กล้องด้านหน้าบน Samsung Galaxy A70 มีความละเอียดอยู่ที่ 32 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสง F/2.0 รองรับโหมด Beauty หรือโหมดหน้าสวย ที่ผู้ใช้สามารถเลือกปรับแต่งใบหน้าแบบอัตโนมัติ หรือจะเลือกปรับเองได้ตามใจชอบ สูงสุดที่ 8 ระดับ
รองรับฟีเจอร์ Live Focus ถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ ที่สามารถปรับความเบลอของฉากหลังได้สูงสุด 7 ระดับ และสามารถปรับความเนียนของผิวได้สูงสุด 8 ระดับ
รองรับฟีเจอร์ AR Emoji กับการสร้างภาพ Emoji ของตัวเอง ซึ่งเป็นฟีเจอร์เดียวกับที่อยู่ในรุ่นเรือธง นอกจากนี้ ยังรองรับฟีเจอร์ AR Sticker อีกด้วย
สำหรับกล้องด้านหลังบน Samsung Galaxy A70 เป็นกล้อง 3 ตัว (Triple-Camera) ซึ่งประกอบด้วย เลนส์หลัก ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล, เลนส์ Ultra Wide มุมมองกว้าง 123 องศา ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และเลนส์ Depth ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล สำหรับถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอในโหมด Live Focus โดยสามารถสลับเลนส์ได้ตรงไอคอนรูปต้นไม้ ซึ่งรูปต้นไม้ 3 ต้น หมายถึง เลนส์ Ultra Wide ส่วนรูปต้นไม้ 2 ต้น หมายถึง เลนส์ Wide (เลนส์หลัก)
โหมด Live Focus หรือการถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ ที่สามารถปรับความเบลอของฉากหลังได้สูงสุด 7 ระดับ
โหมด Scene Optimizer กับการใช้เทคโนโลยี AI ในการช่วยประมวลผล และปรับแสงสีของภาพให้เหมาะสมกับวัตถุนั้น ๆ ซึ่งสามารถแยกความแตกต่างได้สูงสุดถึง 20 โหมดด้วยกัน ได้แก่ อาหาร, บุคคล, ดอกไม้, ฉากในร่ม, สุนัข, ทิวทัศน์, ฉากสีเขียว, ต้นไม้, ท้องฟ้า, ภูเขา, ชายหาด, พระอาทิตย์ตก, ริมน้ำ, ท้องถนนในเมือง, ทิวทัศน์ยามค่ำคืน, น้ำตก, หิมะ, นก, ข้อความ และย้อนแสง ซึ่งความแม่นยำของโหมด Scene Optimizer อาจแตกต่างกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมหรือวัตถุด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ ยังมีโหมด Flaw Detection ตรวจจับข้อผิดพลาดในกรณีที่บุคคลในภาพอาจหลับตา (Eye Blink), ภาพย้อนแสง (Backlit) หรือภาพเบลอ (Facial Blur) ก็จะมีการแจ้งเตือนให้ผู้ใช้ถ่ายใหม่ เพื่อให้ได้ภาพถ่ายที่ดีที่สุด
สำหรับการตั้งค่ากล้องถ่ายภาพ สามารถตั้งค่าได้หลายส่วนด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น ตัวปรับสีภาพ, เลือกขนาดของวิดีโอทั้งกล้องด้านหน้าและกล้องด้านหลัง, เปิดโหมด HDR, จุดตัดเก้าช่อง, แท็กสถานที่, เพิ่มลายน้ำ และอื่น ๆ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหน้า โหมด Beauty ปรับความเนียนของผิวที่ระดับ 4
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหน้า โหมด Beauty ปรับความเนียนของผิวที่ระดับ 8
สำหรับผู้ที่ต้องการมองหาสมาร์ทโฟนหน้าจอใหญ่ ที่รองรับทั้งการดูหนัง, ฟังเพลง หรือแม้แต่การเล่นเกม Samsung Galaxy A70 รุ่นนี้ถือว่าตอบโจทย์ไม่น้อย เนื่องจากมาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลกว้าง 6.7 นิ้ว แบบ Super AMOLED ความละเอียด 2400 x 1080 พิกเซล (FHD+) บนดีไซน์แบบ Infinity-U Display พร้อมติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ (On-Screen Fingerprint) แบบเดียวกับ Samsung Galaxy S10 รุ่นเรือธง และรองรับการปลดล็อกตัวเครื่องด้วยการสแกนใบหน้า (Face Recognition) ในขณะที่ขนาดตัวเครื่องก็ถือว่า ไม่ได้ใหญ่จนเกินไปนัก จับได้ถนัดมืออีกเช่นกัน
กล้องถ่ายรูปของ Samsung Galaxy A70 ถือว่าเป็นจุดขายหลัก ๆ ของรุ่นนี้เลยก็ว่าได้ เพราะหลังจากที่ทีมงานได้นำไปทดสอบกับการถ่ายภาพสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ในจังหวัดอยุธยาเป็นเวลา 1 วัน พบว่า กล้องถ่ายรูปทั้งด้านหน้าและด้านหลังตอบโจทย์ได้อย่างเต็มรูปแบบ จนแทบจะไม่ต้องยกกล้อง DSLR มาถ่ายเลยด้วยซ้ำไป ซึ่งกล้องด้านหลังของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ เป็นกล้อง 3 ตัว (Triple-Camera) ที่ประกอบด้วย เลนส์หลัก ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล (F/1.7), เลนส์ Ultra Wide มุมมองกว้าง 123 องศา ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล (F/2.2) และเลนส์ Depth ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล (F/2.2) ทำให้สามารถถ่ายภาพได้ทั้งมุมปกติและมุมกว้างได้ในเครื่องเดียว เหมาะกับการใช้ถ่ายภาพแนวท่องเที่ยวหรือ Landscape ได้เป็นอย่างดี ส่วนกล้องด้านหน้า ความละเอียดอยู่ที่ 32 ล้านพิกเซล (F/2.0) พร้อมรองรับการถ่ายภาพเซลฟี่แบบกลุ่ม ที่มีมุมกว้างขึ้น รวมถึงการถ่ายภาพแบบ Live Focus หน้าชัดหลังเบลออีกด้วย
ด้านการประมวลผล มาพร้อมกับชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 675 แบบ Octa-Core Processor ความเร็ว 2.0 GHz, หน่วยประมวลผลภาพกราฟิก Adreno 612 GPU, หน่วยความจำ RAM ขนาด 8 GB, หน่วยความจำ ROM ขนาด 128 GB รองรับ microSD Card สูงสุด 512 GB, รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด ซึ่งเป็นถาดใส่ซิมการ์ดแบบ Triple Slot ที่สามารถใส่ซิมการ์ดที่ 1, ซิมการ์ดที่ 2 และ microSD Card ได้พร้อมกัน, แบตเตอรี่ขนาดความจุ 4,500 mAh พร้อมเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 25W และทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 9.0 (Pie) พร้อมอินเทอร์เฟส One UI เวอร์ชัน 1.1
นอกจากนี้ Samsung Galaxy A70 ยังรองรับฟีเจอร์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งาน ซึ่งไม่แตกต่างจาก Samsung Galaxy A50 เท่าใดนัก ไม่ว่าจะเป็น ฟีเจอร์ Always On Display, โหมดกลางคืน กับการเปลี่ยนธีมให้เป็นสีทึบ สำหรับการใช้งานในที่แสงน้อยให้สบายตามากขึ้น, ฟีเจอร์ Dual Messenger สามารถเชื่อมต่อ 2 บัญชีในแอปฯ เดียวกันได้พร้อมกัน, แอปพลิเคชัน SmartThings จัดการอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ภายในบ้านแบบอัจฉริยะ และควบคุมการใช้งานผ่านทางสมาร์ทโฟน และฟีเจอร์ Smart Pop-Up View กับการย่อแอปพลิเคชันให้มีขนาดที่เล็กลง สามารถเคลื่อนย้ายตำแหน่งได้อย่างอิสระ, ปรับขนาดได้ หรือทำงานร่วมกับแอปพลิเคชันอื่นไปพร้อม ๆ กันได้
สำหรับราคาของ Samsung Galaxy A70 อยู่ที่ มีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีดำ, สีขาว และสีน้ำเงิน สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
• ดีไซน์ตัวเครื่องแบบ Infinity-U Display ด้วยหน้าจอชิดขอบ (ซ้าย-ขวา) ทำให้สามารถขยายพื้นที่ในการแสดงผลได้เพิ่มขึ้น
• บอดี้ด้านหลังเป็นพลาสติกแบบใหม่ที่เรียกว่า 3D Glasstic ที่มีการเคลือบผิวสัมผัสให้มีความแวววาวคล้ายกระจก พร้อมลูกเล่นการสะท้อนของฝาหลังเป็นสีสันแบบไล่เฉดตามมุมมองต่าง ๆ โดยตัวเครื่องแต่ละสีก็ให้สีสันที่แตกต่างกันไป
• รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด (Triple Slot) สามารถใส่ซิมการ์ดที่ 1, ซิมการ์ดที่ 2 และ microSD Card ได้พร้อมกัน
• รองรับฟีเจอร์ฟิลเตอร์แสงสีฟ้า กับการจำกัดปริมาณแสงสีฟ้าบนหน้าจอด้วยการเปลี่ยนสีบนหน้าจอให้เป็นสีเหลืองนวล เพื่อลดอาการล้าที่ดวงตาเมื่อใช้เป็นเวลานาน ๆ หรือใช้ในที่แสงน้อย
• โหมดกลางคืน กับการเปลี่ยนธีมให้เป็นสีทึบ สำหรับการใช้งานในที่แสงน้อยให้สบายตามากขึ้น
• รองรับ Secure Folder (โฟลเดอร์ที่ปลอดภัย) ปกป้องข้อมูลสำคัญของผู้ใช้ด้วยการเข้ารหัส
: เครื่อง Samsung Galaxy A70 ในบทความรีวิวนี้ เป็นเพียงเครื่องทดสอบเท่านั้น คุณสมบัติบางอย่างอาจยังไม่สมบูรณ์ 100% และอาจไม่ตรงกับตัวเครื่องที่วางจำหน่ายจริง
Xiaomi จับมือ Leica เตรียมเปิดตัวมือถือรุ่นแรกกรกฎาคมนี้ !
นับว่าเป็นข่าวความร่วมมือที่ทำแฟน ๆ ใจเต้นแรงอีกครั้ง และนับว่าเป็นสมาร์ตโฟนจากแบรนด์ล่าสุดที่ปล่อยออกมาหลังจาก Sharp และ Huawei
เสียวหมี่ (Xiaomi) บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์เทคโนโลยีรายใหญ่จากประเทศจีน ประกาศยืนยันความร่วมมือกับ ไลก้า (Leica) บริษัทสัญชาติเยอรมันผู้ผลิตกล้องถ่ายภาพและเลนส์ชื่อดัง ร่วมพัฒนาสมาร์ตโฟนเรือธงรุ่นใหม่พร้อมเปิดตัวในเดือนกรกฎาคมนี้ โดยคาดว่าจะเป็นการยกระดับความสามารถของกล้องถ่ายภาพบนสมาร์ตโฟนไปอีกขั้น
แต่ทางสื่อต่างประเทศคาดว่าจะมีการพัฒนาเรือธงรุ่นใหม่ ที่ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 8+ Gen 1 รุ่นใหม่ล่าสุดของควอลคอม (Qualcomm) มาพร้อมกับความสามารถในการถ่ายภาพที่สวยงามของไลก้า (Leica) รวมถึงบรรดาฟิลเตอร์ และการพัฒนาซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์สำหรับการถ่ายภาพ โดยอาจจะเริ่มจากรุ่นที่มีชื่อว่า "Xiaomi 12 Ultra" หรืออาจจะใช้เป็นรุ่นแรกของซีรีส์ "Xiaomi 13" เลยก็ว่าได้
ส่วนทางซีอีโอของไลก้า มัททีอัส ฮาร์ช (Matthias Harsch) ยังได้กล่าวถึงความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระยะยาวกับ Xiaomi ว่าเป็นเกียรติ และเป็นจุดที่น่าตื่นเต้นสำหรับการพัฒนาความสามารถของกล้องในโทรศัพท์ให้ดียิ่งขึ้น ดังนั้นก็ต้องมาลุ้นกันต่อว่าสมาร์ตโฟนตัวใหม่ จะทำออกมาได้ถูกใจสายรักการถ่ายภาพได้หรือไม่
มีงบไม่เกิน 6,000 บาท จัดมือถือรุ่นไหนได้บ้าง?
อัปเดตตลาดมือถือราคาไม่เกิน 6,000 บาท ปี 2019 มีรุ่นไหนน่าซื้อมาใช้งานบ้าง สำหรับใครที่กำลังมองหามือถือใหม่ เน้นการใช้งานตอบโจทย์แบบรอบด้าน ทั้งสเปกคุ้มค่า กล้องถ่ายภาพสวย แต่มีงบไม่เกิน 6,000 บาท ไม่รู้ว่าจะเลือกซื้อมือถือรุ่นไหนดี วันนี้เรามี 10 มือถือราคาไม่เกิน 6,000 บาท น่าซื้อ น่าใช้ ประจำปี 2019 มาแนะนำ ส่วนจะมีรุ่นไหนบ้าง มาเช็กก่อนซื้อกันเลย
มือถือระดับกลาง สเปกคุ้มค่า ราคาสุดประหยัด แบรนด์ลูกของ Xiaomi โดยรุ่นที่นำมาขายในประเทศไทย จะเป็นรุ่นแรม 3GB/4GB มีหน่วยความจำให้เลือกสูงสุด 128GB ด้านสเปกมีหน้าจอขนาด 6.3 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ มีติ่งทรงหยดน้ำ (Waterdrop notch) ขอบจอบางเพียง 1.95 มิลลิเมตร, ใช้ซีพียู Snapdragon 660, รัน Android 9.0 Pie ครอบทับด้วย MIUI 10 ส่วนไฮไลต์ของรุ่นนี้อยู่ที่กล้องหลังคู่ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล, ขนาดเซ็นเซอร์ 1/2? Samsung ISOCELL Bright GM1, รูรับแสงกว้าง f/1.8, 4-in-1 พิกเซล ที่สามารถถ่ายรูปภาพความละเอียดสูงถึง 12 ล้านพิกเซล, ขนาดพิกเซล 1.6?m, กล้องตัวที่สอง 5 ล้านพิกเซล, รองรับ Portrait และมี AI ส่วนกล้องหน้า 13 ล้านพิกเซล และแบตเตอรี่ความจุ 4,000mAh รองรับ Quick Charge 4.0
Realme (เรียลมี) แบรนด์มือถือน้องใหม่ไฟแรง ส่ง Realme 3 สู่ตลาดมือถือไทย โดยรุ่นนี้เป็นรุ่นอัปเกรดจาก Realme 1 และ Realme 2 ด้านสเปกมาพร้อมหน้าจอ 6.2 นิ้ว ความละเอียด HD+ อัตราส่วน 19:9 ขอบจอบาง 2.05 มิลลิเมตร, คิดเป็นพื้นที่ใช้งาน 88.30%, ใช้ซีพียู MediaTek Helio P60, แรม 3GB + 32GB, แรม 4GB + 64GB, รัน Android 9.0 (Pie) ครอบทับด้วย ColorOS 6.0, กล้องหลังคู่ 13 + 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 พร้อมโหมด 2 โหมดใหม่ Nightscape สำหรับการถ่ายภาพในที่แสงน้อยและ Chroma Boost ทำให้สีสดใสขึ้นและปรับปรุงช่วงไดนามิกเพื่อให้ได้ภาพที่มีความสมดุลมากขึ้น, กล้องหน้า 13 ล้านพิกเซล พร้อม AI Beauty, DIY Beautify และปลดล็อกด้วยใบหน้า (Face Unlock) ปิดท้ายด้วยแบตเตอรี่ 4,230mAh
มือถือราคาประหยัด สเปกน่าสนใจอีกรุ่น มาพร้อมซีพียู Snapdragon 632 ที่แทนรุ่น Snapdragon 626 ประสิทธิภาพดีกว่าเดิมถึง 40% ด้านสเปกมีหน้าจอขนาด 6.26 นิ้ว ความละเอียด HD+ อัตราส่วน 19:9 พร้อมรอยบาก, แรม 3GB, หน่วยความจำ 32GB, กล้องหลังคู่ 13 + 2 ล้านพิกเซล พร้อม LED flash มีโหมด Portrait shots และ AI scene recognition ส่วนกล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล มีโหมด AI beautify ดีไซน์ตัวเครื่องมีการออกแบบพื้นผิวแบบนาโน 3 มิติผสมผสานกับการไล่เฉดสีเพื่อเล่นกับแสงเงา มีให้เลือก 2 สี คือ สีดำกับสีน้ำเงิน ด้านหลังมีสแกนลายนิ้วมือ และแบตเตอรี่ 4,000mAh ที่เคลมว่าสามารถดูวิดีโอต่อเนื่อง 12.5 ชั่วโมง
มือถือซีรีส์ A รุ่นใหม่ ปี 2019 สำหรับรุ่นนี้จัดอยู่ในกลุ่มมือถือระดับกลาง ราคาประหยัด ชูจุดเด่นหน้าจอใหญ่ แบตเตอรี่อึด ดีไซน์แบบ 3D Glasstic มาพร้อมหน้าจอ 6.4 นิ้ว Super AMOLED ความละเอียด HD+, ติ่งรูปตัว V (Infinity-V), ซีพียู Exynos 7884 Octa-Core, แรม 3GB, หน่วยความจำ 32GB, รัน Android 9.0 (Pie) ครอบทับด้วย Samsung One UI, กล้องหลังคู่ 13 + 5 ล้านพิกเซล, รูรับแสงกว้าง f/1.9, เลนส์มุมกว้าง, กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล, มีสแกนลายนิ้วมือด้านหลังตัวเครื่อง และแบตเตอรี่ 4,000mAh
มือถือซีรีส์ A น้องเล็กสุด โดยรุ่นนี้เป็นมือถือราคาประหยัด ระดับเริ่มต้น ด้านสเปกมาพร้อมหน้าจอ 6.2 นิ้ว Infinity-V ความละเอียด HD+, ซีพียู Exynos 7884 Octa-Core, แรม 2GB, หน่วยความจำ 32GB, รัน Android 9.0 (Pie) ครอบทับด้วย Samsung One UI, กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล, กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล, รองรับปลดล็อกด้วยใบหน้า และแบตเตอรี่ 3,400mAh
มือถือที่สานต่อความสำเร็จมือถือราคาประหยัดอย่าง Huawei Y7 Pro 2018 พร้อมอัปเกรดสเปก ปรับโฉมใหม่ สีสันไล่เฉดสวยงาม ล่าสุดมาพร้อมสีใหม่ Coral Red ด้านสเปกมีหน้าจอ 6.26 นิ้ว อัตราส่วน 19.5:9 ความละเอียด HD+ หน้าจอทรงหยดน้ำ (Waterdrop notch), ใช้ซีพียู Snapdragon 450 Octa-Core, แรม 3GB, หน่วยความจำ 32GB, กล้องหลังคู่ 13 + 2 ล้านพิกเซล รองรับ AI Scene Detection และกล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล พร้อมแบตเตอรี่ความจุ 4,000mAh เคลมว่าสามารถใช้งานได้ 2 วัน วัสดุตัวเครื่องด้านหลังเป็นกระจก แต่ไม่มีสแกนลายนิ้วมือ ใช้การปลดล็อกด้วยใบหน้าแทน
มือถืออีกรุ่นของ ASUS ที่สานต่อความสำเร็จ Zenfone Max M1 มือถือราคาประหยัด ชูจุดเด่นในเรื่องแบตเตอรี่อึด โดยรุ่นนี้ได้อัปเกรดสเปก ปรับโฉมดีไซน์สวยงามกว่าเดิม และยังคงคอนเซ็ปต์มือถือที่มีแบตเตอรี่อึดเหมือนเดิม โดยรุ่นนี้เป็นรุ่นที่ลดสเปกลงมาจาก Zenfone Max Pro (M2) ด้านสเปกมาพร้อมหน้าจอ 6.3 นิ้ว ความละเอียด HD+, อัตราส่วน 19:9, มีติ่ง, ซีพียู Snapdragon 632, แรม 3GB/4GB, หน่วยความจำ 32GB/64GB, กล้องหลังคู่ 13 + 2 ล้านพิกเซล, กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล, มีสแกนลายนิ้วมือด้านหลังเครื่อง และแบตเตอรี่ความจุ 4,000mAh รองรับชาร์จเร็ว
น้องใหม่ล่าสุดจากตระกูล Moto G ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการอันดับหนึ่งของผู้บริโภค อย่างอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ ด้วยแบตเตอรี่ที่มาจากผู้ผลิตชั้นนำในวงการกับความทรงพลังกว่า 5,000mAh เพื่อให้คุณสามารถเต็มอิ่มไปกับการทำงานและเล่นได้อย่างสนุกสนานเป็นเวลานานถึง 60 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และเมื่อถึงเวลาเติมพลังคุณยังสามารถใช้ ระบบชาร์จ TurboPower ที่เติมแบตเตอรี่ยาวนานถึง 9 ชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 15 นาที เพื่อให้คุณสามารถกลับไปเพลิดเพลินในสิ่งที่คุณรักได้แบบทันใจ พร้อมเต็มที่กับทุกฟีเจอร์ไม่ว่าจะปั่นงานหรือเล่นโทรศัพท์ด้วยซีพียู Snapdragon 632 Octo-Core แรม 4GB และยังเก็บข้อมูลได้ถึง 64GB อีกด้วย ทั้งยังเต็มอิ่มไปกับหน้าจอขอบขยายขนาด 6.2 นิ้ว แบบ Max Vision HD+ และใช้แบตเตอรี่สุดทนทานให้คุ้มไปกับการดูหนัง วีดีโอ และเล่นเกมได้หายห่วง
มือถือราคาประหยัดซีรีส์ Y ที่สานต่อจาก Vivo Y91i โดยมีสเปกคล้ายกันบางส่วน พร้อมกับขยับราคาขึ้นเล็กน้อย มาพร้อมหน้าจอ Halo FullView Display ขนาด 6.22 นิ้ว พื้นที่หน้าจอสูงถึง 88.6% ใช้ซีพียู MediaTek MT6762R (Helio P22), แรม 3GB, หน่วยความจำ 64GB, รองรับ microSD, รัน Android 8.1 (Oreo) ครอบทับด้วย Funtouch OS 4.5, กล้องหลังคู่ 13 + 2 ล้านพิกเซล พร้อมเทคโนโลยีอัจฉริยะ ช่วยให้สามารถถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอได้ราวกับมืออาชีพ พื้นหลังเบลออย่างเป็นธรรมชาติ, กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล มี AI Face Beauty ที่จะช่วยวิเคราะห์ข้อมูล และปรับแต่งให้เหมาะสมกับผู้ใช้งานมากที่สุด, รองรับการปลดล็อกด้วยใบหน้า (Face Wake), สแกนลายนิ้วมือ และแบตเตอรี่ 4,030mAh
มือถือ Android One สำหรับคนชอบสายเพียว ใช้ระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo แบบ Pure Android ไม่มีอินเทอร์เฟซมาครอบทับ การันตีการอัปเดตระบบปฏิบัติการ และความปลอดภัยเป็นประจำเป็นเวลา 2 ปี ด้านสเปกมาพร้อมหน้าจอ 5.86 นิ้ว ความละเอียด HD+, อัตราส่วน 19:9 คิดเป็นพื้นที่ใช้งาน 84% ของพื้นที่ทั้งหมดด้านหน้าตัวเครื่อง, ใช้ซีพียู MediaTek Helio P60, แรม 3GB, หน่วยความจำ 32GB, รองรับ microSD สูงสุด 400GB, รัน Android 8.1 (Oreo), กล้องหลังคู่ 13 + 5 ล้านพิกเซล รองรับการถ่ายภาพ Portrait และ HDR รวมถึงฟีเจอร์ Bothie การเปิดใช้งานกล้องหน้า-หลังพร้อมกันเพื่อถ่ายภาพหรือวิดีโอ ส่วนกล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล มีระบบ AI Selfies พร้อมฉากหลังเบลอ สติ๊กเกอร์ และแบตเตอรี่ 3,060mAh
Write a Comment