โทรศัพท์มือถือ Meizu CPU Quad-core เช็คราคาล่าสุด ราคาถูก

CPU คืออะไร ? GPU คืออะไร ? และ APU คืออะไร ? แตกต่างกันตรงไหน ใช้แทนกันได้หรือเปล่า ?

ในการประกอบคอมพิวเตอร์ใหม่สักเครื่อง มีฮาร์ดแวร์บางตัวที่อาจจะสร้างความสับสนให้กับมือใหม่ได้ เพราะชื่อของมันมีความคล้ายกัน นั่นคือ CPU GPU และ APU บ่อยครั้งที่สามสิ่งนี้มักถูกพูดเหมารวมกัน แต่หน้าที่ของมันมีความแตกต่างกันอยู่นะ มาทำความรู้จักกับมันให้มากขึ้นดีกว่า

CPU ย่อมาจากคำว่า "Central Processing Unit" แปลเป็นภาษาไทยให้ดูดีก็คือ "หน่วยประมวลผลกลาง" มันเป็นเสมือนมันสมองของเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่รับคำสั่งเข้ามาจากอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล (Storage Device) และอุปกรณ์ต่อพ่วง (Peripheral Device) ผ่านทางแรม (RAM)

ซึ่งตัวอย่างของอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลก็อย่างเช่น เอสเอสดี (Solid-State Drive) ฮาร์ดดิสก์ (Harddisk) แฟลชไดร์ฟ (USB Flash Drive) ไดร์ฟดีวีดี หรือ ไดร์ฟซีดี (DVD/CD Drive)

ในขณะที่อุปกรณ์ต่อพ่วงก็จะมีอย่างเช่น เครื่องพิมพ์ (Printer) เครื่องสแกน (Scanner) เม้าส์ (Mouse) คีย์บอร์ด (Keyboard) ไมโครโฟน (Microphone) กล้องเว็บแคม (Webcam) และอื่นๆ อีกมากมาย

ซึ่งคอมพิวเตอร์จะทำงานได้เร็ว หรือช้าก็อยู่ที่ความเร็วของ CPU นี่แหละ โดยหน้าที่หลักๆ ของ CPU คือ การประมวลผลงานต่างๆ ที่เกิดขึ้นในคอมพิวเตอร์ ตัวอย่างง่ายๆ สมมติเราสั่งคอมพิวเตอร์ว่า 1+1 ได้เท่าไหร่ CPU จะทำหน้าที่วิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับ และประมวลผล เพื่อหาคำตอบให้เรา

งานเกือบทุกอย่างที่เกิดขึ้นในระบบคอมพิวเตอร์ เป็นภาระของ CPU เกือบทั้งหมดเลยนะครับ ตั้งแต่การบูตเครื่อง เปิดโปรแกรม ทำงานเอกสาร โดยเฉพาะการเล่นเกม นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมมักใช้ FPS ที่ CPU ทำได้จากการเล่นเกมมาเป็นตัววัดความแรง

แม้ว่า CPU จะสามารถคำนวณงานต่างๆ ได้อย่างซับซ้อน แต่ลักษณะการทำงานของมันจะเป็นแบบ Linear (ทำงานแบบเชิงเส้น ประมวลผลไปตามลำดับ) การจะให้ CPU มาเรนเดอร์กราฟิกต่างๆ จริงๆ มันก็ทำได้ แต่ว่ามันจะทำให้ CPU ต้องแบกภาระหนักมากเกินไป (แถมทำได้ไม่ดีด้วย) GPU จึงถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อลดภาระในจุดนี้

เนื่องจากมันทำหน้าที่เฉพาะด้านที่ชัดเจน สถาปัตยกรรมของมันได้จึงถูกออกแบบมาให้ประมวลผลแบบ Parallel (ขนาน) รับข้อมูลมาทีเดียว และประมวลผลลัพธ์ออกมาพร้อมๆ กัน

ทั้ง GPU และ CPU มีลักษณะการทำงานที่คล้ายคลึงกัน แต่มีโครงสร้างการทำงานที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน การประมวลผลแบบ Parallel ของ GPU ช่วยให้ในเวลาเท่ากันมันคำนวณงานได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการเล่นเกม หรือเรนเดอร์วิดีโอ ในขณะที่ CPU ต้องรับผิดชอบงานหลายอย่าง ไหนจะต้องประมวลผลการทำงานของระบบปฏิบัติการ, การทำงานของโปรแกรมต่างๆ ฯลฯ หากทุกอย่างถูกคำนวณพร้อมกัน ก็เหมือนกับคนที่พยายามทำงานหลายอย่างพร้อมกันในเวลาเดียว ซึ่งเราไม่สามารถกวาดบ้าน, เช็ดกระจก และล้างจานให้เสร็จพร้อมกันได้ใช่ไหมล่ะ

นอกจากนี้ ใน GPU ยังมี RAM เป็นของตนเอง เพื่อช่วยในการเก็บข้อมูลที่มันประมวลผลเสร็จแล้วมาพักไว้ เพื่อรอการ Buffer เก็บภาพที่ประมวลผลเสร็จแล้วเอาไว้ล่วงหน้า เพื่อรอแสดงผลเมื่อถึงเวลาที่คุณต้องการอีกด้วย

เอาล่ะ เดินทางมาถึงคำศัพท์คำสุดท้ายแล้ว APU เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่มีค่าย AMD เป็นผู้พัฒนา โดยเปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2011 นี่เอง

APU ย่อมาจากคำว่า Accelerated Processing Unit มันเป็นการรวม CPU และ GPU เข้าไว้ด้วยกันเป็นชิปเดียวกัน ไม่ใช่แค่ช่วยลดต้นทุน แต่มันยังลดระยะห่างทางด้านฟิสิกส์ด้วย ทำให้การรับส่งข้อมูลระหว่างกันทำได้เร็วขึ้น มีประสิทธิภาพสูงขึ้นด้วย

Integrated Graphics เป็นการเพิ่มหน่วยประมวลผลกราฟิกลงไปใน CPU มันอาจจะเป็น GPU หรือไม่มี GPU ก็ได้ โดยจะใช้ Cache และหน่วยความจำร่วมกันกับ CPU

อย่างไรก็ตาม APU ยังคงมีประสิทธิภาพต่ำกว่า CPU และ GPU อยู่ดี เราสามารถกล่าวได้ว่า APU เป็นการอัปเกรดอีกขั้นของ Integrated Graphics (ที่หลายคนนิยมเรียกว่าการ์ดจอแบบออนบอร์ด)

แม้ AMD จะเป็นผู้ผลิต APU รายแรก แต่ระยะหลังมานี้ ค่าย Intel ก็เริ่มพัฒนาให้การ์ดจอออนบอร์ดของตนเองมีประสิทธิภาพสูงขึ้นบ้างแล้วนะ แต่ว่า Intel ไม่มีการแยกไลน์สินค้าใหม่ (และยังมีประสิทธิภาพสู้ APU ไม่ได้ด้วย) ในขณะที่ทาง AMD แยกไลน์สินค้า APU ออกมาอย่างชัดเจนเลย

หลังจากที่รู้จักความแตกต่างของ APU, GPU และ CPU กันไปแล้ว เราก็น่าจะได้ข้อสรุปแล้วว่า จะเลือกแบบไหน หากต้องการใช้งานที่ต้องใช้พลังการประมวลผลสูง ก็ควรจะใช้ CPU และ GPU แยกกัน

แต่หากไม่ได้ต้องการใช้งานด้านกราฟิก หรือเล่นเกมมากนัก การเลือกใช้ APU ก็ช่วยประหยัดงบไปได้หลายพันเลยล่ะ

+ "โทรศัพท์มือถือ ราคาไม่เกิน 3000" ยี่ห้อไหนดี 2022 +

ถ้าคุณกำลังอ่านบทความนี้อยู่แสดงว่ากำลังมองหา โทรศัพท์มือถือ ราคาไม่เกิน 3000 บาท ยี่ห้อไหนดี รุ่นไหนดี ใช่ไหมครับ ในบทความนี้เราจะมาแนะนำ แนวทางวิธีการเลือกมือถือให้ถูกใจ แต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่นจะโดดเด่นเรื่องอะไรกันบ้าง สเปคจะน่าสนใจ หรือชวนให้เราเสียตังค์แค่ไหน ซื้อแล้วจะตอบโจทย์การใช้งานของเราหรือไม่ หรือถ้าอยากได้รุ่นที่ใช้งานได้หลากหลายหน่อย ควรจะไปซื้อรุ่นไหนดี ลองมาหาคำตอบในบทความนี้กันเลยครับ

เน้นถ่ายรูป ให้ลองดูกล้องหลังและกล้องหน้าความละเอียดสูง ๆ มาพร้อมกับโปรแกรมแต่งหน้าคนให้เป็นนางฟ้า ยี่ห้อที่ได้รับความนิยมมาก ๆ ก็จะเป็น Oppo Vivo Realme ส่วนยี่ห้ออื่น ๆ จะยังคงไว้ซึ่งความสมจริงบ้าง

เน้นเล่นเกม ให้ลองดูหน่วยประมวลผล เพราะว่าชิปกราฟิกจะมาพร้อมหน่วยประมวลผล ไม่เหมือนในเครื่องคอมฯ ที่ชิปกราฟิกแยกจากกัน แต่ทว่าด้วยการออกรุ่นใหม่ ๆ มาถี่ ๆ คงจะงงแน่นอนว่ารุ่นไหนแรง รุ่นไหนเต่าเรียกพี่ แถมบางรุ่นก็เป็นเหล้าเก่าในขวดใหม่อีก รุ่นเดิมชัด ๆ แค่เปลี่ยนชื่อเท่านั้น เราเลยขอแนะนำคะแนนทดสอบ Antutu / Geekbench มาเป็นตัวช่วยครับ ไว้ดูว่ารุ่นไหนแรงกว่ากัน

เน้นให้ผู้ใหญ่ใช้งาน โจทย์ข้อนี้ง่ายมาก แค่เลือกจอให้ใหญ่แค่นั้นเอง เพราะสายตามักจะมีปัญหากัน แล้วถ้าผู้ใหญ่เคยใช้แต่ Samsung Oppo Vivo หรือ Apple ก็อย่าพยายามเปลี่ยนค่ายเขานะ เห็นมาหลายรายแล้วได้ขายทิ้ง แล้วซื้อเครื่องใหม่อีกเครื่องเพราะทนเสียงบ่นไม่ไหว

นอกเหนือจากนี้ ก็จะเป็นการดูสเปคว่า RAM เพียงพอไหม 2 GB อาจจะเริ่มเล็กเกินไปแล้ว แนะนำ 3 GB ขึ้นไปจะดีกว่า นอกจาก RAM แล้วยังต้องดูหน่วยความจำ ROM ว่ามีเพียงพอสำหรับแอปและบันทึกรูปหรือเปล่า หน่วยความจำ 32 GB นี่อาจจะพอสำหรับคนที่ไม่ค่อยลงแอปมากนัก แต่ถ้าลงแอปหรือเกมเยอะ ลองดูรุ่น 64 GB เลยจะเป็นการดีกว่า ถึงจะใส่ Micro SD การ์ดได้ แต่ลายรุ่นไม่ยอมให้บันทึกแอปลงการ์ดได้นะครับ

ส่วนใหญ่โทรศัพท์มือถือ ราคาไม่เกิน 3000 บาท ถือเป็นกลุ่มราคาเริ่มต้นสเปคการใช้งานเลยอาจจะไม่หวือหวามาก ถ้าคุณมีงบอีกสักหน่อย เราขอแนะนำให้เลือกมือถือช่วงราคา 4000-5000 แทน หลายรุ่นหลายยี่ห้อ สามารถให้สเปคที่สูงกว่าแบบก้าวกระโดดจากช่วงราคา 3000 บาท จะถ่ายรูปก็สวย เล่นเกมก็ไว ทำงานก็เร็ว พร้อมใช้งานหลายด้านเลยทีเดียว แต่ก็ใช่ว่าในช่วง 3000 บท จะไม่มีรุ่นสเปคดี ๆ นะ เพียงแต่ยี่ห้ออาจจะไม่ค่อยดัง ศูนย์บริการยังน้อยแค่นั้น

อยากดูข้อมูลของสินค้าแต่ละยี่ห้อแบบสรุป อ่านง่าย วางเรียงเปรียบเทียบสเปค หน่วยประมวลผล, กล้อง, หน่วยความจำ, ขนาดจอ, ขนาดแบตเตอรี่, คะแนนทดสอบความเร็วจากแอปดังอย่าง Antutu – GeekBench, ราคา และอื่น ๆ เพื่อช่วยให้ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น แนะนำให้กดเข้าไปที่ปุ่มสีแดงด้านล่างได้เลยครับ

Samsung Galaxy M02 เป็นโทรศัพท์มือถือ ราคาไม่เกิน 3000 ที่โดดเด่นด้วย จอ LCD 6.5 นิ้ว สีสันสวยงาม ใหญ่เต็มตาเลยทีเดียว ดีต่อสายตาคนแก่ด้วย แถมยังให้แบตเตอรี่ที่มากถึง 5000 mAh ใช้งานยาว ๆ ตลอดวัน ตัวเครื่องเป็นพลาสติกโพลีคาร์บอเนต มั่นใจได้ในความทนทาน และเครื่องมีความหนา 9.1 มม. ก็ถือว่าค่อนข้างบางเลยทีเดียว เมื่อเทียบกับยี่ห้ออื่นที่แบตใหญ่ใกล้เคียงกัน ไม่ต้องห่วงมาคอยชาร์จแบตเตอรี่ กล้องหลัง 13 MP พร้อม กล้องหน้า 5 MP มีคมชัดพอสมควร

เสียดายที่ให้แรมมาน้อยไปนิด ส่วน CPU ก็ยังเป็น Quad Core หรือเรียกแบบไทย ๆ ว่า หน่วยประมวลผลแบบ 4 แกนที่ความเร็วน้อยไปหน่อย โดยมีความเร็วสัญญาณนาฬิกาที่ 1.5 GHz ลองดูผลทดสอบความเร็วจาก Antutu ประกอบการตัดสินใจได้เผื่ออาจจะอยากเพิ่มเงินไปเอารุ่นที่เร็วกว่า ถ้าใช้งานแอปพลิเคชั่นไม่มากก็ถือว่าใช้งานได้อยู่ สามารถเพิ่ม MicroSD การ์ดได้ พร้อมกับใส่ซิมได้ 2 ซิม (แบบ 3 ช่อง) สำหรับใครที่สนใจรุ่นนี้ เค้าจะเน้นจำหน่ายใน Lazada อาจจะหาซื้อตามห้างสรรพสินค้าไม่ค่อยได้

โทรศัพท์มือถือ ราคาไม่เกิน 3000 จาก Huawei รุ่น Y5p จะมีความน่าสนใจที่ตัวหน่วยประมวลผล Helio P22 เป็นแบบ 8 แกน ความเร็วสัญญาณนาฬิกาอยู่ที่ 2 GHz สำหรับ 4 แกนแรก และ 1.65 GHz สำหรับ 4 แกนที่เหลือ ช่วยให้มีความเร็วมากกว่ายี่ห้ออื่น ๆ ในช่วงมือถือราคาไม่เกิน 3000 นี้ แล้วตัวจอมีขนาด 5.45 นิ้ว เลยทำให้มือถือเครื่องนี้มีขนาดเล็กลง เหมาะสำหรับคนที่ชอบมือถือไซส์เล็ก แต่ทว่าแบตเตอรี่ให้มาแค่เพียง 3020 mAh เลยทำให้มือถือรุ่นนี้ไม่เหมาะสำหรับคนที่ใช้งานเยอะ และที่สำคัญคือ ไม่มี Google Play Store ต้องลงแอปผ่านทาง Huawei App Gallery ซึ่งมีแอปพลิเคชั่นน้อยกว่า ตัวกล้องหน้ามีความละเอียด 5 MP ภาพถ่ายมีความคมชัดพอสมควร ในส่วนของกล้องหลัง 8 MP ก็เพียงพอต่อการใช้งานทั่ว ๆ ไป สามารถเพิ่ม MicroSD การ์ดได้ พร้อมกับการใส่ซิมอีก 2 ซิมแบบไซส์นาโน ( ถาดแบบ 3 ช่อง ) ใครที่สนใจรุ่นนี้ก็ดูจาก Shopee / Lazada ได้เลยจ้าา

Xiaomi Redmi 9C เป็นโทรศัพท์มือถือ ราคาไม่เกิน 3000 ที่ให้สเปคโดดเด่นในหลายด้านเลยครับ ใช้หน่วยประมวลผล Helio G35 ที่เร็วพอเล่นเกมอย่าง ROV PUBG ได้ หน่วยประมวลผลจะมีความเร็ว 2.3 Ghz แบบ Octa-Core หรือที่เรียก 8 แกน ตัวหน้าจอก็มีขนาดใหญ่ 6.53 นิ้วแบบ IPS ที่มีสีสันสวยงาม เหมาะสำหรับซื้อให้ตั้งแต่เด็กจนไปถึงเหล่าผู้สูงวัยด้วย แบตเตอรี่ขนาด 5000 mAh ที่สามารถใช้ได้ยาว ๆ แถมตัวกล้องหลังความละเอียด 13 ล้าน และกล้องเซลฟี่ 5 ล้าน นั้นก็ถ่ายภาพได้คมชัดเกินราคา แล้ว Xiaomi Redmi 9A ก็ยังไม่มีปัญหาเรื่อง Google Play Store ด้วย ทำให้แฟน Huawei หลายคนหนีมาเลือกรุ่นนี้แทน

ส่วนจุดอ่อนที่หลาย ๆ คนพูดถึงบ่อยคือกระจกไม่ค่อยทน ถ้าใครสนใจซื้อ Xiaomi ก็ขอแนะนำให้หาเคสดี ๆ ถึก ๆ ด้วยเวลาตก โอกาสที่จอแตกจะได้ลดลง ส่วนช่องเพิ่ม MicroSD ก็เหมือนรุ่นอื่น ๆ เลยใส่พร้อมซิมอีก 2 อันได้ (ถาด 3 ช่อง) ใครสนใจรุ่นนี้ก็สามารถหาซื้อ Shopee / Lazada ถ้าซื้อตามศูนย์ Mi ในห้าง ราคาอาจจะแพงกว่านิดหนึ่ง และมักจะเจอปัญหาสินค้าขาดบ่อย ส่วนใครที่มีงบสัก 4,599 บาท ก็แนะนำให้ซื้อรุ่น Redmi Note 10 แทน ลองเลื่อนไปดูในอันดับที่ 9 นะครับ

โทรศัพท์มือถือ ราคาไม่เกิน 3000 บาทจากค่าย Wiko รุ่น Power U20 ตัวนี้ต้องบอกว่าน่าสนใจไม่แพ้เจ้า Xiaomi Redmi 9C เลย ตั้งแต่หน่วยประมวลที่เร็วใกล้เคียงกัน เร็วพอที่จะเล่นเกมดังอย่าง ROV PUBG ได้ ด้วยจุดเด่นของหน้าจอ IPS สีสันสดใส ขนาดจอ 6.82 นิ้ว จะซื้อให้คุณพ่อ คุณแม่ ที่สายตาเริ่มปัญหา ก็ถือว่าเป็นไอเดียที่ดีเลย มี RAM ขนาด 3 GB ที่ถือว่ามากกว่าอีกหลายยี่ห้อในช่วงราคานี้ แถมด้วยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 6000 mAh ที่ใหญ่โตเอามาก ๆ ก็ทำให้บอกลา Power Bank ได้เลย

Software ในเครื่องเป็น Pure Android ใช้งานได้เสถียรดี แต่ลูกเล่นอาจจะน้อยไปเมื่อเทียบกับ Xiaomi Redmi 9C ในส่วนของกล้องหลังมีความละเอียด 13 ล้าน คมชัดดีเลยทีเดียว มาพร้อมกล้อง Depth ความละเอียด 2 ล้าน ที่ช่วยให้ได้รูปถ่ายพื้นหลังละลาย ได้โบเก้สวย ๆ ส่วนกล้องหน้า 5 ล้านก็จัดว่าคมชัดพอสมควร มี Face Unlock ไว้ปลดล็อกหน้าจอได้อีกด้วยครับ

สมาร์ทโฟนจาก Vivo รุ่น Y3s ถึงแม้ว่าสเปคแทบจะไม่ได้แตกต่างจาก โทรศัพท์มือถือ ราคาไม่เกิน 3000 บาทอย่าง Xiaomi Redmi 9C และ Wiko Power U20 มากนัก แต่ว่าราคากลับสูงกว่าเอาเรื่องเลย จุดเด่นที่น่าสนใจจริง ๆ ของเจ้า Vivo Y3s ตัวนี้จะอยู่ที่ศูนย์บริการครับ ถ้าใครอยู่ต่างจังหวัด การเลือกซื้อเจ้า Vivo Y3s ดูจะเป็นไอเดียที่กว่า Xiaomi Redmi 9C และ Wiko Power U20 ที่มีศูนย์บริการน้อย แต่ถ้าศูนย์บริการไม่ได้ใกล้บ้านแล้วละก็ อาจจะข้ามยี่ห้อนี้ไปก็ได้ครับ ในส่วนของงานประกอบและวัสดุทำได้ดี ก็ยังทำให้ยี่ห้อนี้น่าซื้อไปใช้งานอยู่

ส่วนสเปคของ Vivo Y3s จะใช้หน่วยประมวล Helio P35 ที่เก่ากว่า G35 ส่วนความเร็วนั้นดูเหมือนจะช้ากว่าสักหน่อยเมื่อเทียบกับ G35 มีจอแบบ IPS สีสันสดใส ขนาด 6.51 นิ้วใหญ่เต็มตาเลย ส่วน RAM ที่ให้มามีขนาด 3 GB เพียงพอต่อการใช้งานของแอปทั้งหลาย มาพร้อมแบตเตอรี่ 5000 mAh ให้ใช้งานได้แบบยาว ๆ แล้วก็ยังมีกล้องหลัง 13 ล้าน และกล้องหน้า 5 ล้านที่คุณภาพดี ถ่ายภาพสวยไม่แพ้ใครเลยทีเดียว แถมระบบปลดล็อคด้วยการแสกนหน้า ใช้งานได้สะดวกมาก ๆ เลยครับ

ถึงแม้ Realme C3 ขนาด 3-32 GB จะวางจำหน่ายมาสักระยะหนึ่งแล้ว แต่ก็ถือเป็นรุ่นที่เร็วกว่ารุ่นอื่น ๆ โทรศัพท์มือถือ ราคาไม่เกิน 3000 บาท แบบเหนือชั้นเอามาก ๆ (ลองดูคะแนนทดสอบของ Antutu / Geekbench ในตาราง คะแนนโดดมาก ๆ) ด้วยการใส่หน่วยประมวลผล Helio G70 มาเลย สามารถเล่นเกมอย่าง ROV และ PUBG ได้ลื่นปรื้ด แบบคนละเรื่องกับรุ่นบน ๆ ใช้หน้าจอเป็นแบบ IPS มีสีสวยสดใส หน้าจอก็ใหญ่ 6.5 นิ้ว สามารถซื้อให้ผู้ใหญ่ใช้ได้สบาย ๆ ทางด้าน RAM ก็ให้มาถึง 3 GB เพียงพอต่อการใช้งานทั่วไป มาพร้อมแบตเตอรี่ 5000 mAh เล่นได้ยาว ๆ ดูหนังเพลิน ๆ โดยที่แบตเตอรี่ยังเหลือ

ส่วนกล้องหลัง 12 ล้านพิกเซล และ กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล ก็ให้ภาพที่สวยงามเอามาก ๆ มาพร้อมโหมด Beauty ที่จะช่วยเพิ่มพลังความสวยอีกแรง อีกยังเพิ่มความสามารถในการถ่ายภาพในระยะใกล้ ด้วยเลนส์มาโคร ระยะ 4 เซ็นติเมตร พร้อมเลนส์ Portrait ช่วยให้ถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอแบบสวยดูมีมิติด้วย เวลาซื้ออย่าลืมสังเกตรุ่น RAM 2 และ RAM 3 ด้วย ส่วนตัวแนะนำให้ซื้อตัว RAM 3 จะได้ไม่ขัดใจเรื่องความเร็ว ส่วน Storage (ROM) หรือหน่วยความจำก็มีให้เลือกทั้ง 32 และ 64 GB ก็เลือกตามงบประมาณได้เลย ถ้าสนใจก็ต้องรีบไปตำกันหน่อย ก่อนจะหมดนะครับ ถ้าของหมดเมื่อไหร่อาจจะต้องหนีไป Realme Narzo 30A แทน เพราะสเปคดีกว่า ส่วนราคาอยู่ที่ 4,099 ครับ

Infinix HOT 10 ถือเป็นอีกรุ่นที่ออกมาสักระยะแล้ว แต่ก็ยังน่าสนใจเอามาก ๆ ด้วยหน่วยประมวลผล Helio G70 ช่วยให้การทำงานและเล่นเกม เร็วเหมือน Realme C3 เลย ตีบวกด้วย RAM 4 GB และ ROM 64 GB สามารถลงแอปกันได้จุใจ แถมไวไฟก็ยังเป็นมาตรฐาน AC ต่างจากยี่ห้ออื่น ๆ ที่ยังใช้รุ่นเก่ามาตรฐาน N อยู่เลย ใครที่เพิ่งติดเน็ทใหม่ที่บ้าน การได้ใช้ Wi-Fi AC ก็จะเร็วกว่า ส่วนกล้องหลักก็ให้มา 16 ล้าน กล้องเซลฟี่ 8 ล้าน ทำให้ภาพถ่ายที่ได้สวยงาม คมชัด สีสันดูเป็นธรรมชาติ ไม่โอเว่อร์เหมือนบางค่าย เสริมด้วยกล้องถ่ายใกล้ Macro 2 ล้าน ส่วนกล้องที่เหลือทำหน้าที่เป็นเซนเซอร์ช่วยเหลือกล้องหลัก ให้ถ่ายภาพได้ดีขึ้น

ตัวหน้าจอเป็นแบบ IPS มีสีสันสดใส แถมหน้าจอก็ยังมีขนาดใหญ่ถึง 6.78 นิ้ว จะซื้อให้คุณพ่อคุณแม่ก็ดีครับ จอใหญ่ดี หรือซื้อให้เด็กก็เล่น ก็สามารถเล่นเกมแบบมันส์ ๆ ลื่นสุดในราคานี้ด้วย มาพร้อมแบตเตอรี่ 5200 mAh ให้ใช้กันแบบยาว ๆ ส่วนจุดอ่อนที่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่พอสมควรคงจะเป็นเรื่องศูนย์บริการที่ยังน้อยมาก ๆ ครับ

สมาร์ทโฟนจาก Oppo รุ่น A54 มีจุดเด่นในเรื่องของ กล้องหน้าที่มีความละเอียดสูงถึง 16 ล้านกันเลยทีเดียว เซลฟี่ได้สวยงามคมกริบ เพิ่มความสวยจนคนเซลฟี่เองยังต้องตะลึง ด้วยฟังก์ชั่น Beautification มาพร้อมหน่วยความ RAM 4 GB เพียงพอต่อแอปในปัจจุบัน และมีหน่วยความจำ ROM ขนาด 128 GB ให้เก็บรูป วิดีโอ ลงแอปแบบได้แบบไม่ต้องกลัวเต็ม แถมยังมีแสกนลายนิ้วมือที่อยู่ด้านข้างเพื่อการปลดล็อกที่รวดเร็วและง่ายดาย สายชาร์จเป็นแบบ USB-C หัวชาร์จเป็นแบบชาร์จเร็ว 18W

ตัวเครื่องสวยงาม มีดีไซน์น่าใช้ทั้งบางและเบา ด้วยวัสดุและงานประกอบเทียบชั้นแบรนด์ยักษ์ใหญ่ ศูนย์บริการระดับพรีเมี่ยมที่ให้คุณภาพการซ่อมเทียบชั้นซัมซุงหรือแอปเปิ้ล ก็เลยทำให้ Oppo รุ่นนี้อาจจะมีราคาสูงกว่าโทรศัพท์มือถือ ราคาไม่เกิน 3000 รุ่นอื่น ๆ ส่วนจุดด้อยที่ไม่น่าให้อภัยเลยคือการเลือกใช้หน่วยประมวลผลที่ดูช้าไปหน่อยสำหรับราคาระดับนี้ คือยังใช้ Helio P35 ที่แอบรู้สึกว่ามันช้าไปสำหรับราคาระดับนี้ ส่วนสเปคก็คล้ายกับรุ่นอื่น ๆ เลยครับ

มาแล้วกับรุ่นที่ผมขอแนะนำ สิ่งที่จะได้เมื่อเทียบกับรุ่นอื่น ๆ คือหน่วยประมวลผล Snapdragon 678 ที่แรงกว่าอย่างเห็นได้ชัด ลองไปดูคะแนน Antutu / Geekbench สิอย่างโหด คะแนนแทบจะไปชนกับรุ่นกลาง ๆ 7000-8000 บาทแล้ว แถมยังเพิ่มแรมเป็น 4 GB หน่วยความจำ 64 GB เพียงพอต่อการใช้งานแบบยาว ๆ ตัวหน่วยความจำเองก็เป็นแบบ UFS 2.2 ที่เร็วในการอ่านและเขียนกว่าหน่วยความจำทั่วไปมาก ราว ๆ 2-3 เท่า แล้วตัวกล้องหลังก็ละเอียดถึง 48 ล้าน กล้องหน้าก็ไม่เบาให้ 13 ล้านเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีกล้องเสริมสำหรับถ่ายภาพ UltraWide มุมกว้างพิเศษ 8 ล้าน มาด้วยพร้อมลูกสมุนอย่างกล้องมาโครไว้ถ่ายระยะใกล้ และกล้องที่ทำหน้าที่เป็นเซนเซอร์วัดความตื้นลึกเพื่อช่วยในการถ่ายภาพโบเก้ หน้าชัด-หลังเบลอ

ตัวเครื่องยังมาพร้อมหัวชาร์จไวแบบ 33 W และสายชาร์จ USB-C ด้วยครับ (ไอโฟนยังให้แค่ 18 W เอง) ส่วนตัวจอก็เป็นแบบ AMOLED สีสันสดใสกว่า IPS มีความละเอียด Full HD+ แถมสแกนลายนิ้วมือที่ปุ่มเปิดเครื่องด้วย ลำโพงที่ให้มาก็ยังเป็นแบบ Dual Speakers จัดเต็มจัดหนักขนาดนี้ ถ้าซื้อใน Lazada 4,599 บาท จะส่งจากฮ่องกง ประมาณ 20 วัน แต่ถ้าสั่งที่ JD Central 4,799 บาท ร้านน่าจะอยู่ที่ไทย ดูในคอมเม้นท์ส่งประมาณ 3 วันถึง แต่ถ้าเกิดของหมด รอสินค้าเข้าสต๊อก อาจจะต้องรอนานกว่านี้ ส่วนข้อด้อยที่ชัดเจนคือ ศูนย์บริการยังน้อยไปนิด ตัวเครื่องเป็นกระจกทั้งหน้า-หลัง ถึงแม้ฝาหลังจะสวยงามดูดี แต่ก็จะแตกได้ง่ายถ้าทำหล่น เราขอแนะนำให้หาเคสถึก ๆ ขอบหนา ๆ ช่วยปกป้องเค้าสักหน่อยจะได้อยู่กับเรานาน ๆ เพิ่มฟิล์มกระจกหน้าของ Focus ด้วยก็ดีจะได้ทัชกันลื่น ๆ นะครับ

อ่านกันมาถึงตรงนี้คงจะเจอ โทรศัพท์มือถือ ราคาไม่เกิน 3000 บาท ยี่ห้อที่ถูกใจได้แล้วใช่ไหมครับ หลาย ๆ รุ่น สเปคดีงามเกินราคาเลยก็มี ก่อนซื้ออย่าลืมสังเกตความต้องการของเรา ว่าเอาไปใช้งานในด้านไหนนะครับ แต่ถ้าความต้องการของคุณมีหลายอย่าง เราขอแนะนำให้คุณเก็บเงินเพิ่มอีกสักนิดไปดูรุ่นแจ่ม ๆ ในช่วงราคา 5000 บาท กันดีกว่าซึ่งก็จะมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่หลากหลายและครอบคลุมมากกว่า อีกทั้งสเปคก็ยังสามารถรองรับการใช้งานในอนาคตได้นานกว่า ยังไงก็ขอให้ได้รุ่นที่ถูกใจ ใช้แล้วไม่มีปัญหางอแงหรือต้องเข้าศูนย์บริการกันนะครับ

โทรศัพท์มือถือ Meizu CPU Quad-core เช็คราคาล่าสุด ราคาถูก

ฟิล์มกันรอยโทรศัพท์ : Hello! Nice to meet you! Welcome to our shop!Check out our shop daily for the latest productsWe are an ethical business where prices are always affordable and reasonableNo worries! You are guaranteed to be satisfied with the quality of our productsIt is checked rigorously multiple times before it reaches youFeel free to contact us if you have any questionsHave a nice day and don’t forget to give us 5 stars if you enjoy your productThank you for visiting! Hope you have an o

ราคา : ฿ 122

Write a Comment