Apple เผยเทคโนโลยีใหม่ๆ สำหรับนักพัฒนาเพื่อส่งเสริมแอพเจเนอเรชั่นถัดไป
คูเปอร์ติโน แคลิฟอร์เนีย — วันนี้ Apple ได้ประกาศเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่อันทรงพลังที่จะช่วยนักพัฒนาของตนกว่า 23 ล้านคนออกแบบและสร้างแอพแห่งอนาคต เครื่องมือใหม่เหล่านี้จะทำให้นักพัฒนาสามารถนำประสบการณ์การใช้งานแอพอันทรงประสิทธิภาพมาสู่แพลตฟอร์มชั้นแนวหน้าของอุตสาหกรรมของ Apple และยังช่วยพวกเขาจัดการและพัฒนาธุรกิจของตนให้เติบโตยิ่งขึ้น นอกจากการสำรวจนักพัฒนาประจำปีของ Apple WWDC20 ยังมี App Store Lab เพิ่มเติมเพื่อให้นักพัฒนาจากทั่วโลกได้แชร์ความคิดเห็นและช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับการปรับปรุง App Store ในอนาคต อีกทั้ง Apple ยังเพิ่มฟอรั่มใหม่ๆ สำหรับนักพัฒนาเพื่อให้คำแนะนำตลอดทั้งปีที่กำลังจะมาถึงและปีต่อๆ ไปอีกด้วย "ชุมชนนักพัฒนาของ Apple สร้างแรงบันดาลใจให้เราทุกคนด้วยแอพต่างๆ ที่จะช่วยผู้ใช้มากกว่าพันล้านคน พลิกโฉมอุตสาหกรรม และเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ ในงาน WWDC ครั้งนี้ เราได้เปิดตัวเฟรมเวิร์ก API ใหม่ที่ล้ำสมัย และเครื่องมือที่ออกแบบมาเพื่อช่วยนักพัฒนายกระดับประสบการณ์การใช้งานแอพไปอีกขั้น รวมทั้งเข้าถึงผู้ใช้ได้มากขึ้น" Philip Schiller รองประธานอาวุโสฝ่ายการตลาดของ Apple กล่าว "แม้ว่าระบบนิเวศของ App Store มีความหลากหลายมากขึ้น ไม่หยุดนิ่ง และประสบความสำเร็จกว่าที่เคย แต่เราทราบดีว่ายังมีอีกหลายสิ่งที่เราต้องร่วมกันทำงานเพื่อพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นไปอีกสำหรับทุกคน ในงาน WWDC ปีนี้ เราได้เพิ่ม App Store Lab แบบออนไลน์ ขยายการสำรวจนักพัฒนา App Store ประจำปีเพิ่มเติม และอื่นๆ อีกมากมายเพราะเราอยากฟังความคิดเห็นจากนักพัฒนาหลายแสนคนว่าต้องการให้เราปรับปรุง App Store สำหรับนักพัฒนาและผู้ใช้อย่างไร" วิธีการใหม่ในการเข้าถึงผู้ใช้ด้วย App Clips และวิดเจ็ต App Clips ช่วยให้ผู้ใช้ค้นพบแอพด้วยวิธีการที่รวดเร็วและง่ายดายผ่านทางสัญญาณภาพแบบใหม่ที่เรียกว่าโค้ด App Clip รวมทั้งทาง NFC, ลิงก์ที่แชร์ และอีกมากมาย App Clips เปิดใช้งานได้ภายในเวลาไม่กี่วินาที นำผู้ใช้เข้าสู่ประสบการณ์การใช้งาน เต็มรูปแบบ และมอบความสนุกให้กับนักพัฒนา เป็นวิธีการใหม่ในการเข้าถึงลูกค้าเมื่อ ของพวกเขาใช้ประโยชน์ได้สูงสุดจริงๆ ผู้ใช้สามารถติดตั้ง เต็มรูปแบบได้ด้วยการแตะเพียงครั้งเดียว เมื่ออยู่ใน App Clips วิดเจ็ตยังได้รับการออกแบบใหม่เพื่อให้ใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น และให้ข้อมูลแก่ลูกค้าได้ในทันทีเพียงแค่เหลือบมอง เมื่อมีวิดเจ็ตบนหน้าจอโฮม ผู้ใช้สามารถใช้งานวิดเจ็ตของนักพัฒนาได้ทุกเมื่อที่ดูอุปกรณ์ของตน และด้วย SwiftUI API ใหม่ นักพัฒนาสามารถสร้างวิดเจ็ตทั้งสำหรับ iOS, iPadOS และ macOS โดยใช้โค้ดเดียวกันได้
ในปีนี้ Apple มอบแนวทางเพิ่มเติมให้แก่นักพัฒนาในการผสานรวมแอพเข้ากับคุณสมบัติของแพลตฟอร์มหลักเพื่อมอบฟังก์ชั่นการทำงานที่ทรงพลังในแบบรูปแบบที่ช่วยปกป้องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของผู้ใช้ไปพร้อมๆ กัน โปรแกรมอุปกรณ์เสริมสำหรับเครือข่าย "ค้นหาของฉัน" ใหม่ให้ผู้ผลิตอุปกรณ์จากบริษัทอื่นใช้ประโยชน์จากเครือข่ายที่มีอุปกรณ์อยู่หลายร้อยล้านเครื่อง ขณะเดียวกันก็ให้การเข้ารหัสตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ใช้สามารถดูตำแหน่งของอุปกรณ์ของตนได้แต่เพียงผู้เดียว HomePod ยังมีโปรแกรมใหม่ในการรวมบริการเพลงจากบริษัทอื่นอีกด้วย นักพัฒนาแอพอีเมลและแอพเบราว์เซอร์สามารถเสนอแอพของตนเป็นตัวเลือกเริ่มต้นที่ผู้ใช้สามารถเลือกได้เอง นอกจากนี้ Safari สำหรับ Mac ก็กำลังจะรองรับ WebExtensions API ยอดนิยมที่ใช้โดย Chrome, Firefox และ Edge ซึ่งจะช่วยให้นักพัฒนาส่วนเสริมทำงานกับ Safari และแจกจ่ายผ่าน Mac App Store ได้อย่างง่ายดาย
เครื่องมือ StoreKit ใหม่ใน Xcode ช่วยให้นักพัฒนาจำลองการตั้งค่าการสมัครใช้งาน การซื้อภายในแอพ รวมทั้งการคืนเงิน ซึ่งทั้งหมดนี้ทำได้ภายใน Mac ของพวกเขาเอง นอกจากนี้ยังมี การทดสอบ StoreKit ใหม่ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้นักพัฒนาในการทำการทดสอบขั้นตอนการซื้อแบบอัตโนมัติ เซิร์ฟเวอร์ App Store ใหม่สำหรับกิจกรรมการต่ออายุสมาชิกและการคืนเงินของลูกค้าช่วยให้นักพัฒนาจัดการประสบการณ์ของลูกค้าในแอพของตนได้อย่างดียิ่งขึ้น และนอกจากการซื้อแอพแบบแชร์กันในครอบครัวแล้ว ในตอนนี้ App Store ยังรองรับคุณสมบัติ "การแชร์กันในครอบครัว" สำหรับการสมัครใช้งานและการซื้อภายใน อีกด้วย ซึ่งตอบโจทย์นักพัฒนาที่นำเสนอคอนเทนต์เพื่อความบันเทิงทั้งครอบครัว นักพัฒนาจะสามารถสร้างเกมให้โดดเด่นบนแพลตฟอร์มของ Apple ได้ง่ายกว่าที่เคย โดยใช้การอัพเดทล่าสุดของ Game Center ที่ออกแบบขึ้นใหม่อย่างสวยงาม การอัพเดทประกอบด้วยลีดเดอร์บอร์ดที่อัพเดทข้อมูลต่อเนื่อง แดชบอร์ดภายในเกมโฉมใหม่ และการแนะนำผ่าน "เกมที่เพื่อนเล่น" ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ซึ่งผู้ใช้จะค้นพบเกมที่ได้รับความนิยมจากเพื่อนๆ ใน Game Center Xcode เป็นจุดศูนย์กลางของการพัฒนาทั้งหมดบนแพลตฟอร์มของ Apple และ Xcode 12 ยังมีรูปลักษณ์ที่สดใหม่เข้ากับ macOS Big Sur อย่างลงตัว แท็บเอกสารใหม่ทำให้การเปิดไฟล์หลายไฟล์รวดเร็วและใช้ทรัพยากรน้อยเพื่อรองรับไฟล์ รวมทั้งไฟล์บันทึกและไฟล์โปรเจ็กต์แต่ละไฟล์ยังเปิดในแท็บของตัวเองอีกด้วย ตอนนี้แบบอักษรในส่วนนำทางยังตรงกับขนาดแบบอักษรของระบบ หรือจะตั้งค่าให้มีขนาดเล็ก กลาง หรือใหญ่ก็ได้ และ Xcode 12 จะสร้างแอพแบบ Universal สำหรับ macOS ตามค่าเริ่มต้นเพื่อรองรับ Mac รุ่นใหม่ที่มาพร้อม Apple silicon
SwiftUI นำเสนอเฟรมเวิร์ก UI ที่ทันสมัยแก่นักพัฒนา ซึ่งทำให้การสร้าง UI ของแอพที่ซับซ้อนนั้นง่ายดายยิ่งขึ้น ในปีนี้ API วงจรชีวิตใหม่จะให้นักพัฒนาเขียนแอพทั้งแอพใน SwiftUI และแชร์โค้ดนั้นระหว่างแพลตฟอร์มของ Apple ได้ทั้งหมด นักพัฒนาที่เริ่มใช้ SwiftUI ไปแล้วจะสามารถเพิ่มคุณสมบัติใหม่ลงในโค้ดที่มีอยู่ได้อย่างง่ายดาย อีกทั้ง Lazy API ใหม่จะทำให้แน่ใจว่าชุดข้อมูลขนาดใหญ่จะมอบประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยม Mac Catalyst ซึ่งเปิดตัวพร้อมกับ macOS Catalina ที่งาน WWDC 2019 ช่วยให้นักพัฒนาสามารถนำแอพ iPad มาใช้งานบน Mac ได้โดยง่าย และด้วย macOS Big Sur แอพ Mac Catalyst จะรับการออกแบบใหม่ที่มีพื้นที่กว้างขวางมาใช้โดยอัตโนมัติ อีกทั้งยังทำให้นักพัฒนามี API ใหม่ๆ อันทรงพลัง รวมถึงสามารถควบคุมลักษณะการทำงานของแอพได้มากขึ้นด้วย และในตอนนี้นักพัฒนาสามารถเลือกว่าจะรักษาขนาดของแอพ Mac ไว้ที่ความละเอียดที่ตรงกับแอพ iPad หรือควบคุมอินเทอร์เฟซ Mac ทั้งหมดเพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งาน Mac ในแบบเฉพาะตัวอย่างแท้จริง นักพัฒนาสามารถเผยแพร่แอพ Mac Catalyst ของตนให้กับลูกค้าใน 175 ประเทศผ่านทาง Mac App Store และให้ลูกค้าเพลิดเพลินกับแอพและการซื้อภายในแอพทั้งใน Mac, iPhone และ iPad ได้อย่างง่ายดายด้วยการซื้อแบบรวม
App Store Lab ที่ขยายเพิ่มเติมและขั้นตอนการตรวจสอบใหม่ของ App Store ในงาน WWDC20 ทาง Apple ยังได้เปิดตัว App Store Lab เวอร์ชั่นขยายเพิ่มเติมเพื่อรองรับชุมชนนักพัฒนาของ Apple จากทุกแพลตฟอร์ม ที่ผ่านมา App Store Lab แบบตัวต่อตัวได้ช่วยแจ้งข้อมูลและจัดลำดับความสำคัญคุณสมบัติและความ ใหม่ๆ ของ App Store รวมทั้งอัพเดทนโยบายของ App Store ในปีนี้ นักพัฒนาได้รับการสนับสนุนให้แชร์ความคิดเห็นที่แล็บเสมือนหรือผ่านช่องทางการสำรวจเพิ่มเติม ซึ่งจะรวบรวมการส่งข้อมูลเข้ามาจนถึงวันที่ 26 มิถุนายน การสำรวจได้เข้าสู่ปีที่สี่แล้ว ซึ่งมีนักพัฒนากว่าห้าแสนคนได้ตอบรับการสำรวจนี้ และแสดงให้เห็นถึงเส้นทางวิกฤตของความคิดเห็นเกี่ยวกับการปรับปรุงที่นำไปสู่บริการของนักพัฒนา App Store เช่น ลิงก์สาธารณะ TestFlight และความสามารถในการตอบสนองต่อคำวิจารณ์จากลูกค้า นอกจากนี้ Apple ยังจะสร้างช่องทางเพิ่มเติมสำหรับนักพัฒนาเพื่อแชร์ความคิดเห็นในระหว่างฟอรั่มนักพัฒนาใหม่ ซึ่งจะเกิดขึ้นตลอดทั้งปีที่จะมาถึงนี้ ใน เหล่านี้ นักพัฒนาได้รับการสนับสนุนให้แชร์คำแนะนำทั้งเรื่องใหญ่และเรื่องเล็กๆ เพื่อให้ Apple นำการเปลี่ยนแปลงมาใช้ต่อไป รวมทั้งปรับปรุงประสบการณ์การใช้งาน App Store สำหรับชุมชนนักพัฒนาทั้งชุมชน นอกจากนี้ ขั้นตอนการตรวจสอบแอพจะมีการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ สองการเปลี่ยนแปลงที่จะนำมาใช้ในฤดูร้อนที่จะถึงนี้ การเปลี่ยนแปลงแรกคือ นักพัฒนาจะไม่เพียงสามารถอุทธรณ์การตัดสินว่าแอพละเมิดแนวทางที่กำหนดของแนวทางการตรวจสอบของ App Store เท่านั้น แต่จะยังมีกลไกในการคัดค้านตัวแนวทางดังกล่าวเองอีกด้วย การเปลี่ยนแปลงที่สองคือ สำหรับแอพที่อยู่ใน App Store อยู่แล้ว การแก้ไขบักจะไม่ถูกเลื่อนเวลาออกไปให้เกิดความล่าช้าเนื่องจากการละเมิดแนวทางอีกต่อไป เว้นแต่ในกรณีที่การละเมิดนั้นเกี่ยวข้องกับประเด็นทางกฎหมาย แต่นักพัฒนาจะสามารถแก้ไขปัญหาในการส่งข้อมูลครั้งถัดไปแทนได้ ภาพรวมที่โปร่งใสของแนวทางปฏิบัติด้านความเป็นส่วนตัวของแอพถือเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความไว้วางใจกับผู้ที่มีโอกาสเป็นผู้ใช้ ในตอนนี้นักพัฒนามีโอกาสในการแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติด้านความเป็นส่วนตัวใน App Store เพื่อให้ผู้ใช้ตรวจสอบได้เลย รวมถึงประเภทข้อมูลที่อาจมีการเก็บรวบรวมและระบุได้ว่าจะมีการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวกับบริษัทอื่นหรือไม่ อีกทั้งตัวเลือกให้ผู้ใช้เลือกว่าจะไม่ให้เก็บข้อมูลนั้นด้วย
Write a Comment