รวมมือถือสเปกแรง 2022 ราคาไม่เกิน 15,000 บาท ที่น่าสนใจ มีรุ่นเด่นจากแบรนด์ใดบ้าง มาดูกัน ::
เรียกได้ว่าผู้ผลิตสมาร์ทโฟนชื่อดังจากทั่วทุกมุมโลก ได้ส่งสมาร์ทโฟนรุ่นเด่น พร้อมฟีเจอร์ล้ำหน้าออกมาแข่งขันกันอย่างไม่มีใครยอมใคร และมีราคาวางจำหน่ายที่ถูกลงเรื่อยๆ ซึ่งก็ส่งผลดีกับผู้ใช้อย่างเราๆ ที่สามารถเลือกซื้อสมาร์ทโฟนฟีเจอร์ระดับท็อปได้หลากหลายยิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถตอบโจทย์การใช้งานตามไลฟ์สไตล์ และงบประมาณของแต่ละท่านได้มากที่สุด ดังนั้นทางทีมงาน Thaimobilecenter จึงทำการรวบรวม มาให้ได้ชมกัน (อัปเดตล่าสุดวันที่ 21 มกราคม 2565) เพื่อเป็นแนวทางให้กับผู้ที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนประสิทธิภาพดี พร้อมตอบโจทย์การทำงานได้อย่างครบครัน ในราคาที่จับต้องได้ ซึ่งจะมีสมาร์ทโฟนรุ่นเด่นจากแบรนด์ใดบ้าง เชิญติดตามชมไปพร้อมกันได้เลยค่ะ
มือถือ 5G รุ่นล่าสุดจาก Galaxy A Series ที่มาพร้อมการอัปเกรดชิปเซ็ตรุ่นใหม่อย่าง Qualcomm Snapdragon 778G ที่ผลิตบนเทคโนโลยีระดับ 6nm จับคู่กับ RAM 8GB + ROM 128GB มีแบตเตอรี่ความจุ 4500 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 25W Super Fast Charging สำหรับหน้าจอเป็นแบบ Super AMOLED Infinity-O Display ขนาด 6.5 นิ้ว คมชัดระดับ Full HD+ มีค่า Refresh Rate ระดับ 120Hz พร้อมเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ และมีบอดี้กันน้ำมาตรฐาน IP67 รวมไปถึงกล้องตัวหลักความละเอียด 64 ล้านพิกเซล ที่รองรับระบบกันสั่นแบบ OIS
- กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รูรับแสงขนาด F/2.2
- แบตเตอรี่ความจุ 4500 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จไว 25W Super Fast Charging
- ระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย One UI Core
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ
- คุณสมบัติป้องกันน้ำ-ฝุ่นมาตรฐาน IP67
- รองรับการใช้งานบนเครือข่าย 5G NR / 4G LTE
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac (2.4G+5GHz), Bluetooth 5.0 และ NFC
- พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C
สมาร์ทโฟน 5G รุ่นใหม่ล่าสุดของ Galaxy A Series ที่มาพร้อมชิปเซ็ต Snapdragon 750G จับคู่ RAM 8GB + ROM 128GB พร้อมหน้าจอ Super AMOLED ขนาด 6.5 นิ้ว คมชัดระดับ Full HD+ ที่มีค่า Refresh Rate ระดับสูงสุดที่ 120Hz ติดตั้งกล้องหลัง 4 ตัว (Quad Camera) ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล พร้อมระบบกันสั่นแบบ OIS ผสานกล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล และมีแบตเตอรี่ความจุ 4500 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 25W Super Fast Charging
- กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รูรับแสงขนาด F/2.2
- แบตเตอรี่ความจุ 4500 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จไว 25W Super Fast Charging
- ระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย One UI 3.0
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ
- คุณสมบัติป้องกันน้ำ-ฝุ่นมาตรฐาน IP67
- รองรับการใช้งานบนเครือข่าย 5G NR / 4G LTE
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac (2.4G+5GHz), Bluetooth 5.0 และ NFC
- พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C
สมาร์ทโฟน A-Series รุ่นใหม่ล่าสุดที่เปิดการจำหน่ายในไทยแล้ววันนี้ กับจุดเด่นที่น่าสนใจหลายด้าน โดยเฉพาะคุณสมบัติการป้องกันน้ำ-ฝุ่นมาตรฐาน IP67 ครั้งแรกบนมือถือ A-Series พร้อมกับหน้าจอ Super AMOLED Infinity-O Display ขนาดใหญ่ 6.7 นิ้ว พร้อมค่า Refresh Rate ระดับสูงสุด 90Hz รันด้วยชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 720G จับคู่ RAM 8GB + ROM 128GB มีกล้องหลัง 4 ตัว (Quad Camera) ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล รองรับ OIS พร้อมกล้องซูม ผสานกล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล โดยมีแบตเตอรี่ความจุ 5000 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 25W Super Fast Charging
- กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รูรับแสงขนาด F/2.2
- แบตเตอรี่ความจุ 5000 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จไว 25W Super Fast Charging
- ระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย One UI 3.0
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ
- คุณสมบัติป้องกันน้ำ-ฝุ่นมาตรฐาน IP67
- รองรับการใช้งานบนเครือข่าย 4G LTE
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac (2.4G+5GHz), Bluetooth 5.0 และ NFC
- พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C
สมาร์ทโฟนระดับท็อปราคาประหยัดของทางค่าย Apple ที่เปิดตัวมาแบบเซอร์ไพรส์เมื่อคืนที่ผ่านมา กับการดีไซน์ที่ถอดแบบมาจาก iPhone 8 ผสานพลังภายในแบบ iPhone 11 ด้วยชิปเซ็ตล่าสุดอย่าง A13 Bionic พร้อมรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 18W และตัวเครื่องป้องกันน้ำ-ฝุ่นมาตรฐาน IP67
- หน้าจอแสดงผล Retina HD ขนาด 4.7 นิ้ว ความละเอียด 1334x750 พิกเซล
- รองรับเทคโนโลยี True Tone สำหรับปรับอุณหภูมิสีของหน้าจอให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมโดยรอบอัตโนมัติ
- ค่าความสว่างหน้าจอสูงสุด 625 นิต
- ชิปเซ็ตประมวลผล (CPU) แบบ Apple A13 Bionic
- กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 7 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.2 พร้อมรองรับการถ่ายภาพเซลฟี่หน้าชัดหลังเบลอ
- กล้องดิจิทัลด้านหลังความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.8 รองรับการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ และการถ่ายวิดีโอระดับ 4K
- แบตเตอรี่ใช้ได้นานต่อเนื่อง 13 ชั่วโมง พร้อมรองรับระบบชาร์จไว 18W (อแดปเตอร์ต้องซื้อแยก) ชาร์จจาก 0-50% ในเวลา 30 นาที
- รองรับการชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สาย
- รองรับการเชื่อมต่อบนเครือข่าย 4G LTE
- มาตรฐานการน้ำแบบ IP67 กันน้ำได้ลึก 1 เมตร เป็นเวลา 30 นาที
- ลำโพงคู่สเตอริโอ
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบ Touch ID ฝังที่ปุ่มโฮม
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ iOS 13 ตั้งแต่แกะกล่อง
- รุ่นความจุ 64GB ราคา 14,900 บาท
- รุ่นความจุ 128GB ราคา 16,900 บาท
มือถือ 5G รุ่นใหม่ของตระกูล Reno Series มีจุดเด่นที่ฟีเจอร์การถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอแบบ Bokeh Flare Portrait จากกล้องหลังทั้ง 3 ตัว ประกอบด้วย กล้องตัวหลัก 64MP + กล้อง Ultra-Wide Angle 8MP + กล้อง Macro 2MP พร้อมหน้าจอ Punch-Hole AMOLED Display ขนาด 6.43 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ ขับเคลื่อนการทำงานด้วยชิปเซ็ต Dimensity 800U รองรับเครือข่าย 5G จับคู่กับ RAM 8GB พร้อมเทคโนโลยี RAM Expansion ในการยืมพื้นที่หน่วยความจำภายในมาใช้งานได้สูงสุดที่ 5GB โดยมีแบตเตอรี่ความจุ 4310 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 30W VOOC Flash Charge 4.0
- ตัวเครื่องขนาด 160x73.38 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 173 กรัม (สี Aurora มีความหนาตัวเครื่อง 7.97 มิลลิเมตร ส่วนสี Stellar Black มีความหนาตัวเครื่อง 7.92 มิลลิเมตร)
- หน้าจอแสดงผล Punch-Hole AMOLED Display ขนาด 6.43 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ (1080x2400 พิกเซล : 409 ppi) ในอัตราส่วนในการแสดงผลแบบ 20:9 โดยมีสัดส่วนจอแสดงผลกับตัวเครื่องที่ 90.8%
- ชิปเซ็ตประมวลผล Octa-Core MediaTek Dimensity 800U ที่มีความเร็ว 2.4 GHz
- หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Mali-G57 MC3
- หน่วยความจำแรม (RAM) แบบ LPDDR4X ขนาด 8GB พร้อมเทคโนโลยี RAM Expansion ที่ช่วยเพิ่มขนาดของแรมได้สูงสุด 5 GB
- หน่วยความจำภายใน (ROM) มาตรฐาน UFS 2.1 ความจุ 128GB รองรับหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD Card
- กล้องดิจิทัลด้านหลัง 3 ตัว (Triple Camera) ประกอบด้วย
- กล้องดิจิทัลด้านหน้าฝังบนจอ (In-Display Selfie) ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล พร้อม AI-enhanced Sensing สำหรับการใช้งานฟีเจอร์ Air Gestures
- แบตเตอรี่ความจุ 4310 mAh พร้อมเทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ 30W VOOC Flash Charge 4.0 สามารถชาร์จแบตเตอรี่จากระดับ 0-100% ได้ภายในเวลา 56 นาที
- ระบบปฏิบัติการ Android 11 พร้อมครอบทับด้วย ColorOS 11.1
- เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ (In-Display Fingerprint 3.0)
- รองรับการเชื่อมต่อ 5G NR, 4G LTE, Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac (Dual Band) และ Bluetooth 5.2
- ถาดใส่ซิมการ์ดแบบ Triple Slot
- พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C (USB 2.0)
มือถือ 5G รุ่นล่าสุดจากทาง vivo ที่มาพร้อมชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 800U รองรับการใช้งานเครือข่าย 5G แบบ Dual-Mode (SA/NSA) และสแตนด์บายได้ทั้งสองซิมการ์ดแบบ 5G Dual SIM โดยทำงานร่วมกับ RAM 8GB + Extended RAM 3GB มีจุดเด่นที่น่าสนใจอย่างกล้องหน้าความละเอียดสูงถึง 44 ล้านพิกเซล รุ่นแรกของโลก ที่มีระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS ที่รองรับโหมดเซลฟี่ในเวลากลางคืนอย่าง Super Nigth Selfie พร้อม Dual Selfie Spotlight ไฟ LED ขนาดเล็ก 2 ดวงที่ด้านข้างลำโพงหูฟังด้านบน บนการดีไซน์พรีเมียมด้วยจอไร้ขอบทรงหยดน้ำเทคโนโลยี E3 AMOLED ขนาด 6.44 นิ้ว ความคมชัดระดับ Full HD+ ที่รองรับค่า Refresh Rate ระดับสูงสุด 90Hz และรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 33W Vivo FlashCharge 2.0
- ตัวเครื่องมีขนาด 159.68×73.90×7.29 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 176 กรัม (Dusk Blue)
- ตัวเครื่องมีขนาด 159.68×73.90×7.39 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 177 กรัม (Sunset Dazzle, Arctic White))
- หน้าจอแสดงผล E3 AMOLED ขนาด 6.44 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ (1080x2400 พิกเซล : 409 ppi) อัตราส่วน 20:9 รองรับค่า Refresh Rate ระดับสูงสุดที่ 90Hz พร้อมรองรับการแสดงผลคอนเทนต์แบบ HDR10+
- ชิปเซ็ตประมวลผล Octa-Core MediaTek Dimensity 800U 5G
- หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Mali-G57 MC3
- หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 8GB พร้อมฟีเจอร์ Extended RAM ที่สามารถขยาย RAM เพิ่มได้อีก 3GB ด้วย Internal Storage (ROM)
- หน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 128GB / 256GB รองรับหน่วยความจำเสริมแบบ microSD
- กล้องดิจิทัลด้านหลัง 3 ตัว (Triple Camera) ประกอบด้วย
- กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 44 ล้านพิกเซล รุ่นแรกของโลก ที่มีระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS พร้อมรูรับแสงขนาด f2.0
- แบตเตอรี่ความจุ 4000 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จไว 33W Vivo FlashCharge 2.0
- ระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย Funtouch OS 11.1
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ
- รองรับการใช้งานบนเครือข่าย 5G NR / 4G LTE
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac (2.4G+5GHz) และ Bluetooth 5.1
- พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C
- รุ่น 8GB+128GB ราคา 12,999 บาท
- รุ่น 8GB+256GB ราคา 14,999 บาท
มือถือ 5G ระดับกลาง Lite Flagship รุ่นใหม่ของทาง OnePlus ที่มาพร้อมกับชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 750G ร่วมกับหน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 619 ที่พัฒนาขึ้นเพื่อการเล่นเกมที่ดีกว่าเดิม และรองรับเครือข่าย 5G อีกทั้งยังมีหน้าจอแบบ 90Hz Fluid AMOLED Punch-Hole Display ขนาด 6.43 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ ที่มีค่า Refresh Rate ระดับสูงสุด 90Hzรวมถึงแบตเตอรี่ความจุ 4500 mAh ที่รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว Warp Charge 30T Plus เวอร์ชันอัปเกรด บนระบบปฏิบัติการ Android 11 ส่วนที่ด้านหลังมีกล้องหลังทั้งหมด 3 ตัว ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล
- ตัวเครื่องมีขนาด 159.2x73.5x7.9 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 170 กรัม
- หน้าจอแสดงผล 90Hz Fluid AMOLED Punch-Hole Display ขนาด 6.43 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ (1080x2400 พิกเซล : 408 ppi) ในอัตราส่วน 20:9 มีค่า Refresh Rate ระดับสูงสุดที่ 90Hz และรองรับการแสดงผลคอนเทนต์แบบ HDR10+
- ชิปเซ็ตประมวลผล Octa-Core Qualcomm Snapdragon 750G
- หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Adreno 619
- หน่วยความจำแรม (RAM) แบบ LPDDR4X ขนาด 12GB
- หน่วยความจำภายใน (ROM) มาตรฐาน UFS 2.1 ขนาด 256GB (ไม่รองรับหน่วยความจำภายนอก)
- กล้องดิจิทัลด้านหลัง 3 ตัว (Triple Camera) ประกอบด้วย
กล้องตัวหลัก (Main) ความละเอียดระดับ 64 ล้านพิกเซล พร้อมเม็ดพิกเซลขนาด 0.7 ไมครอน (64MP) หรือ 1.4 ไมครอน (4-in-1 Pixels 16MP), รูรับแสงขนาด f1.79, ทางยาวโฟกัส 26 มิลลิเมตร และโครงสร้างแบบ 6 ชิ้นเลนส์
กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.25 และมุมรับภาพ 119 องศา
กล้อง Mono ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.4
- กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX471 มีรูรับแสงขนาด f2.4 และรองรับระบบกันสั่นแบบ EIS
- แบตเตอรี่ความจุ 4500 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว Warp Charge 30T Plus สามารถชาร์จแบตเตอรี่จากระดับ 0-70% ได้ในเวลา 30 นาที
- ระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย OxygenOS 11
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ (In-Display Fingerprint)
- ระบบสแกนหน้า (Face Unlock)
- รองรับเครือข่าย 5G / 4G LTE
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac (Dual Band), Bluetooth 5.1 และ NFC
- พอร์ตการเชื่อมต่อแบบ USB Type-C
- รุ่น 8GB+128GB : 12,990 บาท มีตัวเลือกสีฟ้า (Blue Void) และสีดำ (Charcoal)
- รุ่น 12GB+256GB : 15,990 บาท มีตัวเลือกเฉพาะสีดำ (Charcoal)
มือถือระดับท็อปรุ่นใหม่จากทาง Xiaomi ที่มากับหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ รองรับค่า Refresh Rate ระดับสูงสุด 120Hz พร้อมเทคโนโลยี Dolby Vision และ HDR10+ ประมวลผลด้วยชิปเซ็ต Dimensity 1200-Ultra ซีรีส์ท็อป รองรับ 5G จับคู่ RAM 8GB + ROM ขนาดสูงสุด 256GB มีแบตเตอรี่ความจุ 5000 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 67W และกล้องตัวหลักความละเอียดสูง 108MP
- ตัวเครื่องมีขนาด 164.1x76.4x8.8 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 203 กรัม
- หน้าจอแสดงผล AMOLED DotDisplay ขนาด 6.67 นิ้ว ในอัตราส่วน 20:9 แบบ Cinematic Screen ความละเอียดระดับ Full HD+ (1080x2400 พิกเซล) มีค่า Refresh Rate ระดับสูงสุดที่ 120Hz ผสานค่า Touch Sampling Rate ระดับ 480Hz รองรับเทคโนโลยี Dolby Vision กับ HDR10+ และครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass Victus
- ชิปเซ็ตประมวลผล Octa-Core MediaTek Dimensity 1200-Ultra
- หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 8GB
- หน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 128GB / 256GB
- กล้องดิจิทัลด้านหลัง 3 ตัว (Triple Camera) ประกอบด้วย
- กล้องดิจิทัลด้านหน้าฝังบนจอแบบ In-Display Camera ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล มีรูรับแสงขนาด f2.45
- แบตเตอรี่ความจุ 5000 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วแบบ 67W Turbo Charging
- ระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย MIUI 12.5
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านข้างตัวเครื่อง (Arc Side Fingerprint)
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi6 802.11 a/b/g/n/ac (Dual-Band), Bluetooth 5.2 และ NFC
- ลำโพงเสียงแบบคู่ พร้อมระบบเสียง Dolby Atmos
- รองรับพอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C
- รุ่น 8GB+128GB : 13,990 บาท
- รุ่น 8GB+256GB : 14,990 บาท
มือถือ 5G ระดับกลางรุ่นแรกของทาง Sony มีจุดเด่นที่การรองรับ 5G ด้วยชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 690 5G จับคู่กับ RAM 6GB + ROM 128GB มีหน้าจอ HDR OLED ขนาด 6 นิ้ว อัตราส่วน 21:9 คมชัดระดับ Full HD+ ครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass 6 โดยตัวเครื่องมีคุณสมบัติป้องกันน้ำ-ฝุ่นมาตรฐาน IP65/68 และมีแบตเตอรี่ความจุ 4500 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว รวมถึงกล้องหลัง 3 ตัว ประกอบด้วย กล้องหลัก 12MP, กล้อง Ultra-Wide 8MP และกล้อง Telephoto 8MP ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 8MP อีกทั้งยังรองรับระบบเสียง Hi-Res Audio, มีพอร์ตหูฟัง 3.5 มม. และเซ็นเซอร์สแกนนิ้วที่ข้างเครื่อง ซึ่งทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 11
- ตัวเครื่องมีขนาด 154x68x8.3 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 169 กรัม
- หน้าจอแสดงผล HDR OLED ขนาด 6.0 นิ้ว ในอัตราส่วน 21:9 ความละเอียดระดับ Full HD+ (1080x2520 พิกเซล) และครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass 6
- ชิปเซ็ตประมวลผล Octa-Core Qualcomm Snapdragon 690 5G
- หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Adreno 610
- หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 6GB
- หน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 128GB พร้อมรองรับการ์ดหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD สูงสุดที่ขนาด 1TB
- กล้องดิจิทัลด้านหลัง 3 ตัว (Triple Camera) ประกอบด้วย
- กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล (F/2.0)
- แบตเตอรี่ความจุ 4500 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 11
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านข้างตัวเครื่อง (Side-Mounted Fingerprint)
- รองรับคุณสมบัติการป้องกันน้ำ-ป้องกันฝุ่นมาตรฐาน IP65/68
- รองรับเครือข่าย 5G / 4G LTE
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac (2.4GHz + 5.0GHz) และ Bluetooth 5.1
- พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C 3.1
สมาร์ทโฟนสเปกแรงจาก realme อย่าง realme GT Neo 2 เจ้าของฉายา นักฆ่าเรือธง คนใหม่ล่าสุด โดยมาพร้อมกับสเปกแรงระดับเรือธงในราคาที่เอื้อมถึงได้ง่าย เริ่มตั้งแต่ หน้าจอแสดงผลแบบ E4 AMOLED ที่มีค่า Refresh Rate ระดับ 120Hz, ขับเคลื่อนการทำงานด้วยชิปเซ็ตประมวลผล Snapdragon 870, แบตเตอรี่ขนาด 5000mAh ที่รองรับระบบชาร์จเร็วแบบ 65W SuperDart Charge ไปจนถึงกล้องหลังความละเอียด 64 ล้านพิกเซล ซึ่งสเปกทั้งหมดนี้ทาง realme อัดแน่นมาด้วยราคาวางจำหน่ายเพียง 13,990 บาทเท่านั้น
- กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล
- แบตเตอรี่ความจุ 5000 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย realme UI 2.0
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังใต้หน้าจอแสดงผล
- รองรับเครือข่าย 5G / 4G LTE
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6 และ Bluetooth 5.2
- พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C 3.1
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่มาแรงที่สุด ณ ชั่วโมงนี้ ในราคาไม่เกิน 15,000 บาท ที่ทางทีมงานได้รวบรวมมาให้ได้ชมกัน จะเห็นได้ว่าแต่ละรุ่นล้วนแต่เป็นรุ่นไฮไลท์ใหม่ล่าสุดของแต่ละแบรนด์ ที่มีความโดดเด่นที่แตกต่างกันออกไป โดยมาพร้อมกับฟีเจอร์ที่พร้อมตอบโจทย์การใช้งานได้ในทุกระดับ ทั้งนี้จึงขึ้นอยู่กับตัวผู้ใช้เอง ว่ามีความชื่นชอบสมาร์ทโฟนรุ่นใดมากที่สุด ทั้งในด้านการดีไซน์ว่าสวยถูกใจขนาดไหน และฟีเจอร์ด้านในสามารถพร้อมตอบโจทย์การใช้งานของตนเองได้ครบถ้วนหรือไม่ ซึ่งหากว่าได้ทดลองใช้งานในเบื้องต้น แล้วเกิดความพึงพอใจ ก็ถือได้ว่าสมาร์ทโฟนรุ่นนั้นคุ้มค่าแก่การจับจองเป็นเจ้าของแล้วค่ะ สำหรับวันนี้ทางทีมงานต้องขอลาไปก่อน พบกันใหม่ในบทความหน้า สวัสดีค่ะ
Write a Comment